มหากาพย์ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่ยังคงขยายวงกว้างออกไปตามไล่ล่ากลุ่มบุคคลจำนวนมากซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงทางอ้อมกับ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล น่ะ

เอาจริงๆ คดีนี้ได้ให้บทเรียนราคาแพงแก่พวกเราในฐานะผู้ชมผู้ฟังไม่น้อยทีเดียว

สำคัญคือ บุคคลที่ตัดสินใจใช้ชีวิต ประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตัวกับครอบครัวด้วยการทำธุรกิจประเภทที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมาย จนเข้าข่ายทำธุรกิจมืด หรือธุรกิจสีเทาน่ะ

เท่ากับเอาชีวิตมาแขวนไว้บนเส้นด้าย ไม่ใช่เสี่ยงต่อความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายเท่านั้น ยังเอาชีวิตของคนในครอบครัวมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางไปด้วย แบบเดียวกับธุรกิจของ

บอสพอล ที่ถูกตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่า ทำธุรกิจฉ้อโกงประชาชน ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่า ท้ายที่สุด ดิ ไอคอน กรุ๊ป จะเป็นธุรกิจอะไร ระหว่างลูกผสมขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่?

ถึงธุรกิจเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนสูง แต่ถ้าร่ำรวยบนความหายนะของชาวบ้าน สิ่งที่ตามมาคือ กรรม กรรมนี้ก็ช่างเต็มไปด้วยขวากหนาม กับบรรดาปรสิตที่พร้อมกระโจนเข้าแทะเนื้อหนังมังสาตลอดเวลา

ที่บอกว่าต้องจ่าย ตั้งแต่ลูกกระจ๊อกไปจนถึงเทวดา หรือจ่ายมันทุกวงการ ตั้งแต่นักร้องเรียน ไปจนถึงดาราที่ติดการอวดรวยกันน่ะ ว่ากันตามจริง ตราบที่ยังทำอยู่ ก็ต้องจ่ายไปเรื่อยๆ เพราะจ่ายเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันพอ

สิ่งที่อยากให้เป็นข้อสังเกตอีกเรื่องก็คือ ชื่อเสียงของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งพูดกันมานานแล้วว่า เจ้าหน้าที่มีพฤติการณ์ไม่โปร่งใส หากินกับนักธุรกิจจำพวกขายตรงถึงขั้นที่ผู้ต้องหาบางรายคุยโอ่ว่าสามารถใช้เงินซื้อแสง เสียง และอำนาจในการสั่งการภายใน สคบ.ได้ ก็ไม่ไหวแล้ว!

ล่าสุด รมต.สำนักนายกฯ “น้ำ” จิราพร สินธุไพร ซึ่งเพิ่งจะได้เป็น รมต.สมัยแรกๆ ยังถูกนักร้องเรียนในธุรกิจขายตรง อ้างถึงอย่างไม่มียางอาย เพียงเพราะประสงค์จะตบทรัพย์ บอสพอลเท่านั้น…มันช่างน่าอับอายจริงๆ

เพราะฉะนั้น ระหว่างดำเนินคดีกับผู้บริหารของดิ ไอคอน กรุ๊ป รมต.น้ำน่าจะลองเข้าไปตรวจสอบข้อมูลภายใน สคบ.สักหน่อย

อาจจำเป็นต้องลงลึกไปดูโครงสร้างและข้อบัญญัติต่างๆ การร้องเรียนจากผู้บริโภค การใช้สินค้าและบริการ การทำสัญญาต่างๆ การโฆษณาที่เกินความเป็นจริง สินค้าอันตราย สินค้าไม่ติดฉลาก หรือธุรกิจขายตรงจำนวนมากที่ สคบ.อนุญาตให้ทำ ตลอดจนถึงการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่กลับได้สินค้าไม่ตรงปกที่สั่ง เป็นต้น

ทุกเรื่องของ สคบ.ล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชน ถ้าจะกำกับดูแลงานของ สคบ.ให้ได้คะแนนดีๆ ก็น่าจะถึงเวลาต้องปรับโครงสร้างกันสักที

เห็น ผู้ว่าฯ กทม.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ใช้ AI เข้ามาช่วยดูแลงานของ กทม. รวมถึงเรื่องร้องเรียนของประชาชนชาว กทม. แล้วประสบผลสำเร็จเกินร้อย แถมยังทำรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาให้ทีมผู้ว่าฯ กทม.ทราบอย่างละเอียดในทุกๆช่วงเวลาที่กำหนดด้วย

ลองเอา AI เข้าไปจับการทำงานของ สคบ.ดู…รมต.น้ำอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีงาม โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อคนไทยจริงๆ.

มิสไฟน์

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม