“ต้นอ้อ” เผยนาที “แอม ไซยาไนด์” ยิ้มแย้มหลังศาลอ่านคำพิพากษาประหารชีวิต เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่สลด

จากกรณีศาลพิพากษาตัดสินประหารชีวิต นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ “แอม ไซยาไนด์” ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ จำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร หรือ ทนายพัช จำเลยที่ 3 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ชดใช้เงินแก่มารดาผู้เสียชีวิต 2.4 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (ศาลพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” อดีตสามี-ทนายพัช โดนโทษจำคุก)

ล่าสุด น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยถึงคดีแอมไซยาไนด์ว่า หลังจากที่ตนไปฟังคำพิพากษา ที่เป็นการฟังคำพิพากษายาวนานที่สุดตั้งแต่เคยเจอกว่า 3 ชั่วโมง โดยญาติผู้เสียชีวิตก็มีความกังวลว่าศาลจะยกฟ้องหรือไม่ เพราะทนายฝั่งของแอมได้มีการให้เหตุผลว่า ไม่ได้เห็นการกระทำของแอมในระหว่างการวางยา แต่เมื่อผู้พิพากษาอ่านพฤติการณ์แรงจูงใจของแอมตั้งแต่ปี 65-66 พบว่าเป็นช่วงที่แอมติดการพนันหนักที่สุด และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 90 ล้านบาท และเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เสียชีวิตร่วงหล่นเป็นใบไม้ถึง 12 ราย บวกอีก 2 รายที่รอดชีวิต นับว่าเป็นการฆ่าเพื่อปลดหนี้ จึงมีคำตัดสินว่าให้ประหารชีวิต

ทั้งนี้ ระหว่างการอ่านคำพิพากษา ก็มีการกล่าวถึงการเสียชีวิตของแต่ละคนที่มีความคล้ายคลึงกันทั้งหมด แล้วก็ที่สำคัญคือพยานหลักฐานที่ได้มา พบว่าแอมมีการพยายามทำลายหลักฐานโดยมีทนายแนะนำ ซึ่งหลังจากที่ผู้พิพากษาอ่าน ทางด้านแอมก็ไม่ได้มีท่าทีเสียใจ ไม่ได้ร้องไห้ ไม่สลดและยิ้มแย้มแจ่มใสหัวเราะกับทนายในศาลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่กล้าสบตาฝั่งตน ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่า ไม่สลดเลยหรืออย่างไร กับเหตุการณ์ที่ได้กระทำลงไป

โดยในระหว่างที่ผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินประหารชีวิตแอม ทางตนและญาติผู้เสียชีวิตก็กอดกันร้องไห้ แต่ทางทนายก็หันมาบอกว่า “อย่าเสียงดัง” พร้อมกับทำเสียงจุปาก ตนจึงรู้สึกสงสัยขณะที่คุณใส่กุญแจมืออยู่ คุณยังมีหน้าหันมาบอกว่าอย่าเสียงดังอีกหรือ แต่อย่างน้อยฝั่งญาติผู้เสียชีวิตก็ดีใจที่ยังมีความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งในวันอังคารที่ 26 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางก็จะมีการส่งสำนวนไปที่อัยการอีก 14 เคส แต่ก็เห็นว่าทางฝั่งทนายจะมีการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมด

สำหรับในวันนี้ ตนสังเกตเห็นว่าแอมแต่งหน้าสวย ทาปากแดง ต่อขนตาสวย สภาพร่างกายต่างจากครั้งแรกที่เจอ เพราะน่าจะมีความมั่นใจในการยื่นอุทธรณ์แล้วชนะคดี แต่ทางด้านทีมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ก็ยังทำงานกันต่อเนื่อง แต่ก็ต้องพึ่งพาอัยการด้วย

นอกจากนี้ พบว่าขณะที่ตัวแอมเข้าเรือนจำนั้น ได้มีการตั้งครรภ์ประมาณ 4-5 เดือน แต่ก็พบว่าแท้งในอายุครรภ์ 7 เดือน จากพฤติกรรมที่ไม่ดูแลตัวเอง ไม่กินข้าวไม่ดื่มน้ำจนทำให้ขาดสารอาหาร โดยแอมได้มีการเปิดเผยว่า ไม่อยากเอาเด็กคนนี้ไว้ ถึงแม้ว่าการเก็บเด็กไว้จะทำให้ไม่โดนโทษประหาร จากสิ่งนี้จึงทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า แอมอาจมีความมั่นใจในคำพูดของทนายว่าอย่างไรก็รอด.