“ปุณณมี สัจจกมล” ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เมาซิ่งเบนซ์จะกลับบ้านเกิดเสยท้าย จยย. บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น จนสาวคนขี่แม่ค้าเร่ชายหาดบางแสนกระเด็นร่วงตกลงมาดับสยองบนถนนพระราม 4 ขณะเจ้าตัวขี่จากชลบุรีมาสำเพ็งเพื่อซื้อของไปขาย ตำรวจคุมตัววัดแอลกอฮอล์ที่โรงพัก ผลทะลุถึง 119 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวรับผิดพร้อมเยียวยาชดใช้และจะบินไปร่วมงานศพที่ร้อยเอ็ด ลั่นสัญญาไม่ดื่มตลอดชีวิต

อุบัติเหตุที่เกิดจากเมาแล้วขับยังมีปรากฏให้เห็นตลอด ล่าสุดเมื่อเวลา 02.35 น. วันที่ 5 ธ.ค. พ.ต.ต.มนตรี คำขาว สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนผู้ขี่รถจักรยานยนต์กระเด็นตกจากสะพานเสียชีวิต บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ข้ามแยกอังรีดูนังต์ ถนนพระราม 4 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรสถาบันนิติเวรฯ รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบนสะพาน พบรถเบนซ์ อี 200 ดี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ภข 1991 กรุงเทพมหานคร สภาพกันชนหน้าด้านซ้ายพังยับ มีนายปุณณมี สัจจกมล อายุ 44 ปี เป็นผู้ขับ ใกล้กันพบ จยย.ยามาฮ่า ฟีราโน่ สีเทาดำ ทะเบียน 1 กพ 9314 ชลบุรี ท้ายรถถูกชนพังยับ ส่วนผู้ขี่รถ จยย.กระเด็นตกสะพานเสียชีวิตอยู่ที่พื้นถนนด้านล่าง ทราบชื่อคือ น.ส.ฉวี อาศัยสงฆ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 6 ต.ห้วยหินลาด อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เสียชีวิตสภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเขียวแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ คอหัก ร่างกายแขนขาผิดรูป

สอบสวนทราบว่านายปุณณมีเป็นผู้บริหารพรเกษมคลินิก สถานเสริมความงามชื่อดังมีหลายสาขา ก่อนเกิดเหตุเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงและขับรถกลับบ้านโดยขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่นมุ่งหน้าทางสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่ด้วยความเร็วเกิดเฉี่ยวชนรถ จยย. จนผู้ตายกระเด็นตกสะพานลงมาเสียชีวิตบนถนนด้านล่างอย่างน่าอนาถ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ควบคุมนายปุณณมี มาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อตรวจเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดพบขึ้น 119 มิลลิกรัม เกินกว่ากฎหมายกำหนด เบื้องต้นแจ้งข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมาสุรา ขับรถประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นทำให้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายเทวราช ดวงสวัสดิ์ อายุ 30 ปี สามีผู้ตาย มาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามคดี พร้อมเปิดเผยว่า ตนและครอบครัวพักอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตนมีอาชีพไรเดอร์ส่งอาหารในจังหวัด ส่วนภรรยามักจะขี่รถ จยย.จากชลบุรีเข้ามาซื้อของกิฟต์ช็อปเล็กๆ น้อยๆที่ตลาดสำเพ็งเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อนำไปเดินเร่ขายที่หาดบางแสน ทุกครั้งที่แฟนขี่รถ จยย.มาสำเพ็งจะคอยเตือนตลอดว่าให้ขี่อย่างระมัดระวัง ในคืนเกิดเหตุแฟนตนได้ยืมเสื้อคลุมไรเดอร์ของตนและขี่รถ จยย.ออกจากบ้านตั้งแต่ประมาณ 23.00 น. ต่อมาเวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ตายยังโทร.มาพูดคุยกับตน กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. หน่วยกู้ภัยโทร.มาหาแจ้งว่าแฟนสาวเสียชีวิตแล้ว ตนและลูกเสียใจมากยอมรับว่ายังโกรธผู้ก่อเหตุ แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเหตุเกิดขึ้นไปแล้วพร้อมระบุจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่กังวลเพราะทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีฐานะเป็นถึงผู้บริหารคลินิกชื่อดัง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทางคดี

ต่อมา นายปุณณมี ผู้ก่อเหตุเมาขับรถชนผู้ตายจนเสียชีวิตเดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ไปกินดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนและดื่มสุรามาพอประมาณ เป็นร้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก หลังดื่มเสร็จขับรถข้ามสะพานข้ามแยกแต่จำความเร็วที่ขับมาไม่ได้ แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก บนสะพานค่อนข้างมืดมากมองไม่เห็นผู้ตายที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่กลางสะพานพอดีทำให้พุ่งชนผู้ตายจนกระเด็นตกสะพาน หลังเกิดเหตุยังพอมีสติโทร.เรียกประกันมาแล้ววานให้ช่วยพาไปหาตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนอีกด้วย

นายปุณณมีกล่าวยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดหนีไปไหน ยอมรับผิดทุกประการเป็นความผิดตนจริงๆ ได้พบกับญาติผู้ตายและเข้าไปขอโทษไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เหตุที่เกิดนั้นเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจของตน ยินดีช่วยเหลือเรื่องค่าส่งศพไป จ.ร้อยเอ็ด และค่างานศพผู้ตายทั้งหมด นอกจากนี้ได้จ่ายเงินชดใช้เยียวยาเบื้องต้นแล้ว หลังจากนี้จะบินไปที่ร้อยเอ็ดเพื่อร่วมงานศพผู้ตายด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการเยียวยาเพิ่มเติมหลังจากนี้คงแล้วแต่ครอบครัวผู้ตายอยากจะเรียกร้องเท่าไรก็ให้เสนอมาได้เลย ยินดีเยียวยาทุกประการ

“ผมใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เหตุที่หลังดื่มเสร็จไม่ยอมนั่งแท็กซี่กลับเพราะพยายามโบกเรียกแล้ว แต่ไม่มีแท็กซี่คันไหนจอดรับเลยในช่วงเวลานั้น ต้องขับรถยนต์ส่วนตัวกลับบ้านจนเกิดเหตุดังกล่าว สุดท้ายนี้หลังเกิดเหตุตั้งสติได้ และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไปตลอดชีวิต ผมผิดไปแล้วสำนึกผิดจะแก้ไขด้วยตนเองเป็นอย่างแรก ยินดีช่วยเหลือครอบครัวของผู้ตาย” นายปุณณมีกล่าว

นายจุลเมธ สอนสุทธิ์ ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุได้มอบเงินเยียวยาในเบื้องต้น 70,000 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของครอบครัวเพราะเขาเดินทางมาจากต่างจังหวัด และค่าส่งร่างผู้เสียชีวิตไป จ.ร้อยเอ็ด และจะออกค่าใช้จ่ายจัดงานศพให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ทางค่าเยียวยาเพิ่มเติมจะให้ญาติผู้เสียชีวิตคุยกับครอบครัวว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ แล้วให้ติดต่อแจ้งมา ส่วนเรื่องทางคดี ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยผู้ก่อเหตุยอมรับผิดทุกข้อหา พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากนี้จะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการการดำเนินคดีทางอาญา วันนี้ผู้ก่อเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ส่วนจะนำตัวส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคาดว่าน่าจะภายในสัปดาห์หน้าหรือโดยเร็วที่สุด