“เจ๊อ้อย” หลบนักข่าว ดอดเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนกองปราบปรามมาราธอน ดำเนินคดีทนายตั้ม ทั้งคดีเงิน 71 ล้านบาท เงิน 39 ล้านบาท และประเด็นล่าสุดกรณีทำพินัยกรรมมอบหมายให้ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก และแอบติดจีพีเอสที่รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย เนื่องจากผู้เสียหายจะเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสแล้ว ด้านคดี 39 ล้านบาท ตำรวจนัดทนายตั้มและเรือนจำเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว หลังพบทำเป็นขบวนการ มีการสั่งการทางโทรศัพท์ทั้งที่ตัวเองอยู่ต่างประเทศ

กรณี น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยอาศัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส มอบอำนาจทนายความแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ข้อหาฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์เป็นเงิน 71 ล้านบาท หลังรวบรวมหลักฐานออกหมายจับทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยา ข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน นำฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้ว นอกจากนี้ยังบานปลายมีคดีที่เกี่ยวข้องทั้งคดีนายนุวัฒน์ หรือนุ ยงยุทธ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม และ น.ส.สารินี หรือสา นุชนารถ อายุ 30 ปี แฟนสาว หลอกลวงเงินเจ๊อ้อย 39 ล้านบาทควบคุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำแล้วเช่นกัน หลังจากนั้น มีประเด็นทนายตั้มให้เจ๊อ้อยทำพินัยกรรมมอบให้ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก และติดจีพีเอสที่รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ของเจ๊อ้อยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 พ.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เผยว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนกองปราบฯเชิญ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย มาให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีปมเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มฉ้อโกงเงินไป เน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่า มีส่วนใดขาดตกบกพร่องเพื่อให้สำนวนสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนประเด็นเรื่องพินัยกรรมที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก การสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเหล่านี้ แต่วันนี้อาจสอบถามเพิ่มเติมว่า พินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีส่วนใดหรือไม่ รวมทั้งเรื่องติดจีพีเอส (GPS) รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย ทั้งนี้การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงเจ๊อ้อยคนเดียวที่นัดมาพบเวลา 10.00 น. สำหรับการให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

“ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มนายษิทรา กรณีฉ้อโกงเงิน 39 บ้านบาทนั้น ขณะนี้กำลังประสานทนายความนายษิทราและเจ้าหน้าที่เรือนจำว่าสะดวกให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อหาได้วันไหน ข้อหาที่แจ้งคือ ร่วมกันฉ้อโกง แต่เป็นในส่วนของเรื่องเงิน 39 ล้านบาท หลังสอบปากคำเจ๊อ้อยวันนี้ แล้ว พรุ่งนี้จะเรียกคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเข้าประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้า” รอง ผบช.ก.กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนกองปราบฯอยู่ระหว่างติดตามหาเงิน 39 ล้านบาท ที่นายนุวัฒ์ ยงยุทธ และ น.ส.สารินี นุชนารถ เบิกเงินสดออกจากธนาคารว่าเก็บซ่อนไว้ที่ไหน หลังจากชุดสืบสวนกองปราบฯตรวจสอบแน่ชัดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปเบิกเงินสดจริง วางแผนกันเป็นระบบ วันเบิกเงินนายษิทรา หรือทนายตั้มเดินทางไปต่างประเทศ แต่สั่งการทางโทรศัพท์มายังนายนุและ น.ส.สา นอกจากนี้ยังพบอีกว่า นายษิทราให้คนขับรถตัวเองไปที่ห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าวเพื่อรอขนเงินสดหลังแบ่งกันเรียบร้อยแล้วกลับมา

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนเรื่องการติดจีพีเอสที่รถเบนซ์ของเจ๊อัอย เกิดจากเจ๊อ้อยสงสัยว่าทนายตั้มรู้ความเคลื่อนไหวต่างๆของตนได้อย่างไร เมื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพบมีการติดจีพีเอสที่รถจริง 3 ตัว ติดตั้งไว้ในตัวรถด้วย แต่ส่วนนี้กำลังหาข้อมูลอยู่

ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย พร้อมผู้ติดตาม 3 คน เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าทางด้านหลังผ่านอาคารจอดรถชั้น 2 ก่อนพบคณะพนักงานสอบสวนภายในอาคารกองปราบปราม สำหรับเจ๊อ้อยปรากฏตัวในชุดแจ็กเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู หอบเอกสารที่คาดว่านำมาชี้แจงตำรวจ โดยมีผู้ติดตาม 3 คนถือถุงอาหารจำนวนมาก คาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการสอบสวนอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสอบปากคำเจ๊อ้อยวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนคาดว่าจะใช้เวลาสอบปากคำนานกว่าปกติ เพราะต้องสอบทุกประเด็นที่ยังสงสัยให้ได้รายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี รวมทั้งต้องนำคำให้การนี้ไปพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงประเด็นต่างๆที่ได้จากการสอบปากคำวันนี้ทั้งหมด สาเหตุที่ต้องรีบสอบปากคำให้เสร็จสิ้นวันนี้ เนื่องจากเจ๊อ้อยกำลังจะเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศส