เชียงใหม่ “พระครูหมูกระทะ” อดีตเจ้าอาวาสวัดดัง ที่ถูกจับคาวงปิ้งย่างปาร์ตี้หมูกระทะแกล้มเบียร์ ต่อหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในกุฏิเจ้าอาวาส วัดชื่อดังกลางเมืองเชียงใหม่ กลับมาบวชใหม่แล้ว หลังพระผู้ใหญ่ไฟเขียว เห็นถึงความสามารถ ขณะที่ชาวบ้านวิจารณ์แซ่ด บางคนถึงกับยกมือ สาธุ บอกไม่ขอยุ่งเรื่องของพระ
จากกรณีโลกโซเชียล และสื่อต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง กรณีพระสงฆ์ตั้งวงจัดปาร์ตี้กินหมูกระทะ และดื่มเบียร์ อยู่ในกุฏิเจ้าอาวาส วัดชื่อดังกลางเมืองเชียงใหม่ ต่อหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งประดิษฐานอยู่ เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค. 2564 หรือเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย มีพระสงฆ์ร่วมวง 7 รูป ฆราวาสชาย 2 คน พร้อมของกลาง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมูกระทะ และอาหารต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้เข้าตรวจสอบ จับกุมตั้งข้อหา ร่วมกันชุมนุมมั่วสุม หรือทำกิจกรรม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 60/2564 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ มีของกลางเป็นกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว จำนวน 5 กระป๋อง และที่ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง และไวน์อีก 3 ขวด ที่ยังไม่ได้เปิด
ต่อมาวันที่ (30 ส.ค. 64) เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดส่งฟ้องศาลในฐานความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยศาลได้พิจารณาลงโทษ จำเลยทั้งหมดในฐานความผิด ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เสียค่าปรับคนละ 1,000 บาท และจำคุก 15 วัน แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 1 ปี
นอกจากนี้ในส่วนของจำเลยที่ 1 ถึง 4 ยังถูกลงโทษ ข้อหามั่วสุมดื่มสุราในศาสนสถาน ให้เสียค่าปรับ คนละ 2,500 บาท ซึ่งหลังจากชำระค่าปรับแล้ว ทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวทันที เจ้าหน้าที่ได้นำพระทั้งหมดไปลาสิกขาที่วัดอุปคุต ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย พระครูระดับเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ถึง 4 รูป พระลูกวัด 3 รูป โดยได้แจ้งลาสิกขาสละสมณะเพศ กับทางเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ซึ่งทั้งหมดได้สวมชุดขาว พร้อมลงนามในหนังสือแจ้งการลาสิกขาสละสมณะเพศด้วยความสมัครใจ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดทราบว่า เมื่อวานนี้ (18 พ.ย. 67) หนึ่งในพระครู อดีตเจ้าอาวาสวัดชื่อดังที่ถูกจับดำเนินคดีฯ และถูกกระแสสังคมกดดันจนยอมลาสิกขาบทด้วยความสมัครใจไปแล้วนั้น ได้กลับมาอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้ทำพิธีอุปสมบทให้ ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางความสนใจของบรรดาศรัทธาญาติโยมที่ทราบข่าว โดยมีบางคนได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการกลับมาอุปสมบทใหม่ครั้งนี้ บ้างก็ว่าเป็นสิทธิ์ของพระที่สามารถกลับมาอุปสมบทใหม่ได้ไม่เสียหายอะไร
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการทางพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่ ท่านหนึ่ง ซึ่งได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสวัดที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อ 3 ปีก่อน กรณีปาร์ตี้หมูกระทะ, เหล้าเบียร์ ในวิหารต่อหน้าพระประธานนั้นได้กลับมาบวชอีกครั้ง เป็นเรื่องจริง
ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ และก่อนหน้านั้นก็มีอดีตพระที่ร่วมวงปาร์ตี้หมูกระทะฯ ก็กลับมาบวชอีกครั้งแล้วประมาณ 2-3 รูป โดยได้ไปประจำเป็นพระลูกวัด มีบางคนหลังสึกไปแล้วก็ไม่กลับมา และญาติโยมในครั้งนั้น รวมทั้งโยมอุปถัมภ์ ก็ได้หางานให้ทำ บ้างก็ไปเป็นคนขับรถ, ไปเป็นผู้จัดการร้านอาหารข้าวผัดในตัวเมืองเชียงใหม่
สาเหตุของการกลับมาบวชใหม่นั้น เนื่องจากความผิดนั้นเป็นความผิด อาบัติปาจิตตีย์ เป็นอาบัติที่ไม่ต้องโทษร้ายแรงแต่สังคมโลกติเตียน ในตอนนั้น เพื่อต้องการให้กระแสลดลง ทั้งหมดจึงยอมสึกเองด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกจับสึก หรือปาราชิก แต่อย่างใด สามารถกลับมาบวชใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ผิดกฎระเบียบสงฆ์ แต่จะไม่ถูกใจใครหรือไม่นั้น หรือสังคมจะยอมรับหรือไม่นั้นอีกเรื่อง คือกลับมาบวชได้
ส่วนที่ล่าสุดอดีตเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ไปบวชใหม่ที่วัดดังของเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ นั้น ตอนที่พระรูปนี้สึกออกมาก็มีศรัทธา ของพระรูปดังกล่าว ให้การอุปถัมภ์ หาที่พักอาศัยให้ และให้ไปทำงาน
ต่อมาทางพระชั้นผู้ใหญ่ที่ส่วนกลาง เห็นถึงความสามารถของอดีตพระรูปนี้ จึงได้มอบผ้าไตร และมีหนังสือให้มายังวัดที่เชียงใหม่ ให้ทำการบวชให้ใหม่ ทางวัดดังกล่าวจึงได้ทำตามคำสั่ง บวชให้ใหม่ดังกล่าว เหมือนกับพระรูปอื่นที่กลับมาบวชใหม่ก่อนหน้านั้น
ทางด้านชาวบ้านที่ทราบข่าวเรื่องการกลับมาบวชใหม่ของอดีตพระปาร์ตี้หมูกระทะ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ยกมือท่วมศีรษะ กล่าวคำว่า “สาธุ” บ้างก็เห็นว่า ท่านสึกเองไม่ได้ถูกจับสึก สามารถกลับมาบวชได้ไม่ผิด บ้างก็บอกไม่อยากไปยุ่งเรื่องของพระสงฆ์องค์เจ้า
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ