ผมเขียนถึง สือฉง มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง สมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก (พระเจ้าสุมาเอี๋ยน) เจอแรงอิจฉาจากมหาเสนาบดี ยัดข้อหาใหญ่จับไปประหาร ทั้งแย้มๆ ระดับความรวยกระจุกแค่ไหน เล่าไปจนเบื่อแล้ว

แต่ก็สะดุดใจเอง น่าจะยังมีคนไม่เบื่อ อยากรู้เจ้าสัวเบอร์ต้นๆ สมัยนั้น เขามีวิธีอวดรวยกันอย่างไร?

ในแลหลังแดนมังกร เล่ม 4 (ถาวร สิกขโกศล แปล นานมีบุ๊คส์ พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2542) เกริ่นนำเรื่องนี้ว่า

ฮ่องเต้ พระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ มีพระสนมกว่าหมื่น ค่าอาหารบ้านมหาเสนาบดีเหอเจิง วันหนึ่งเท่ากับทรัพย์ชาวนาหนึ่งครอบครัว คนชั้นสูงฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย

ก็แค่สือฉง เจ้าเมืองจิงโจว ก็ร่ำรวยมหาศาลปลูกคฤหาสน์โอ่อ่า รื่นเริงบันเทิงสุขทุกวันอยู่กับสาวงามนับร้อย

หวางไข่ น้าชายฮ่องเต้ก็ร่ำรวยเหลือประมาณ ได้ข่าวความรวยสือฉง ก็สั่งคนใช้ใช้น้ำเชื่อมล้างหม้อไหแทนน้ำ สือฉงยอมไม่ได้ สั่งคนใช้ใช้ขี้ผึ้งต่างฟืน เมื่อหวางไข่ออกจากบ้าน ใช้ผ้าต่วนเป็นฉากบังลมสองข้างทางยาว 40 ลี้ สือฉงใช้แพรไหมอย่างดี กั้นฉากบังลมยาว 50 ลี้

คฤหาสน์สือฉงเลียนแบบพระราชวัง ลวดลายวิจิตรงดงาม อบประทินด้วยกลิ่นหอมรวยรื่นตลอดวัน หวางไข่ก็ตกแต่งคฤหาสน์ด้วยศิลาจากต้าหลี่ วิจิตรตระการตา

กีฬาแข่งรวยนี้ หวางไข่ต่ำต้อยน้อยหน้ากว่าสือฉงหลายครั้ง ดังนั้นจึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ขอยืมปะการังงามและถือกันว่ามีราคาสูงมากต้นหนึ่ง เอามาข่มสือฉง

หวางไข่คิดว่าครั้งนี้ชนะสือฉงแน่ จึงเชิญสิือฉงมาที่บ้านแล้วยกปะการังต้นนั้นอวด

สือฉง เพียงชำเลืองหางตาดูแว่บเดียว แล้วแกล้งยกป้ายทองคำที่ถือติดมือ ตวัดปะการังแตกหักหลายท่อน

หวางไข่โกรธมาก ชี้หน้าสือฉง

“ปะการังต้นนี้ ฮ่องเต้พระราชทาน ประมาณค่ามิได้ ใยท่านจึงบังอาจเช่นนี้”

“อย่าตกใจไปเลย” สือฉงหัวเราะพลาง พูดอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย “ข้าพเจ้าจะชดใช้ให้” ว่าแล้วก็สั่งคนใช้ไปขนปะการังจากบ้านมาให้หวางไข่ดูหลายสิบต้น บางต้นสูง 3-4 ฟุต

นี่คือปะการังอันมีสีสันงามบาดตา ราคาแพงบาดใจที่สือฉง บอกหวางไข่ “เชิญท่านเลือกเอาตามใจ ข้าพเจ้าชดใช้ท่าน”

งานแข่งอวดรวยครั้งนี้ เลื่องชื่อลือลั่น สือฉงชนะขาดหวางไข่น้าฮ่องเต้ มีสีหน้ากระดากอายนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ไม่รับของชดใช้รีบเดินหนี

นับแต่นั้น ผู้คนทั้งบ้านเมืองต่างก็ยกย่องสือฉงเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ถือเป็น “ฮก” คือความมั่งคั่งหนึ่งในตรีพิธพรรณ ซึ่งประกอบด้วย ฮก (มั่งคั่ง) ลก (ยศศักดิ์) และซิ่ว (อายุ)

เรื่องนี้ บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน สะท้อนในมุมมองของสังคมความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของเจ้านายขุนนางและเศรษฐีในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก เป็นเหตุให้เกิด “จลาจลอ๋องทั้งแปด” อยู่นานถึง 8 ปี

ประชาชนเดือดร้อนสาหัส ประเทศชาติเสื่อมโทรม ไม่นานราชวงศ์จิ้นก็สิ้นสลาย

ส่วนประเด็นทางด้านศีลธรรม ที่หวนชูเต้าหยิน นำมาเล่า เน้นคำสอนสัจธรรม คนมั่งมีมากทุกข์ ผู้สูงศักดิ์มากภัย ก่อนสือฉงเข้าลานประหาร เขาบอกผู้คุม “เรารวยเกิน การเมืองจึงกลั่นแกล้ง”

แต่เมื่อผู้คุมย้อนถาม “รู้ว่าความรวยเป็นเภทภัย ทำไม ไม่กระจายความรวยให้คนอื่น” สือฉงตอบไม่ได้

แต่ความเป็นจริง ในแลหลังแดนมังกร บันทึกว่าสือฉงเจ้าเมืองจิงโจว ใช้ลูกน้องปลอมเป็นโจรปล้นชิงทรัพย์พ่อค้า ไม่นานจึงมั่งคั่งมหาศาล

เรื่องของสือฉง ไม่ต่างจากเรื่องนักการเมืองยุคใหม่ นาฬิกาหรูยืมเพื่อน แหวนเพชรแม่ให้ หรือคนหนุ่มอวดรวย ด้วยรถเก๋งยี่ห้อหรูราคาบาดใจ ลงท้ายเมื่อน้ำลดตอที่ผุดขึ้นมา โถ ฉ้อฉลหลอกปล้นชาวบ้านมาเหมือนๆกัน.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม