ชุดสืบสวนกองปราบฯ ลงพื้นที่ ร่วมคลี่ปมสังหารโหด สจ.โต้ง เรียก สอบ 4 ตร.อารักขาผู้ตาย รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เชื่อก่อนลงมือมีการวางแผนล่วงหน้า จุดเกิดเหตุเริ่มจาก ชั้น 2 ของบ้านก่อนตามถล่มลงมาข้างล่าง พบยิงทั้งในบ้านและนอกบ้าน ยังไม่ฟันธงใครเป็นคน ลั่นไก ยึดรถอัลพาร์ดโกทรตรวจหาวิถีกระสุน ด้านราชทัณฑ์แจงโกทรพร้อมสมุนอีก 6 คน นอนคุกคืนแรก ปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป ไม่เครียด กินได้นอนหลับ

ภายหลังตำรวจจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข พ่อนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ และลูกน้องอีก 6 คน ร่วมกันสังหารโหดนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง คาบ้านของโกทรเลขที่ 21/1 ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าปมสั่งตายมาจากนักการเมืองในพื้นที่ หลังจาก สจ.โต้งเตรียมส่งภรรยา คือ น.ส.ณภาภัช อัญชาสาณิชมน หรือ สจ.จอย ขึ้นชั้นลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปราจีนบุรี แต่โกทรต้องการส่งคนอื่นลงสมัครแทน ขณะที่นายสุนทรปฏิเสธไม่ได้สั่งฆ่า ก่อนถูกนำตัวฝากขังศาลส่งเข้าเรือนจำจังหวัดนครนายกที่มีความมั่นคงสูง

ความคืบหน้าช่วงเช้าวันที่ 14 ธ.ค. ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ตำรวจกองปราบปรามเข้าดูแล ล่าสุด พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ในฐานะที่รับผิดชอบงานสอบสวนนำทีมสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ก่อนเรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีทั้งหมดที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนกองปราบปรามและ สภ.เมืองปราจีนบุรี เรียกดาบใจ 1 ในตำรวจดูแลความปลอดภัย สจ.โต้งและเป็นคนที่อยู่ด้านหน้าบ้านขณะเกิดเหตุมาสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด

ขณะที่ช่วงสาย 1 ในตำรวจอีกนายที่ดูแลความปลอดภัยให้กับ สจ.โต้งเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบฯจะเรียกตำรวจที่ดูแล สจ.โต้งที่เหลือเข้าให้ปากคำทั้งหมด รวมถึงจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เคยให้การแล้วมาสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดปราจีนบุรีตรวจพิสูจน์รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ฬ 7871 กรุงเทพมหานคร ของนายสุนทร ที่ชุดสืบสวนยึดไว้เป็นของกลาง หลังพบไฟท้ายข้างขวาแตกเป็นรูขนาดใหญ่ เพื่อพิสูจน์ว่าเกิดจากวิถีกระสุนหรือไม่ รวมถึงตรวจหาพยานหลักฐานร่องรอยต่างๆในรถเพิ่มเติม

พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ขณะนี้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 4 ปาก คือลูกเขยโกทร หลานโกทร และแม่บ้านที่ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง โทรศัพท์ให้ไปช่วยดูแล สจ.โต้ง รวมถึงแม่บ้านอีก 1 คน แต่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนตำรวจที่อยู่ในกลุ่มดูแลความปลอดภัยให้ สจ.โต้งได้เรียกมาสอบ ตอนนี้ยังไม่ยืนยันเรื่องจำนวนว่ามีกี่คน สำหรับตำรวจชุดที่ดูแลความปลอดภัยเมีย สจ.โต้งได้ร้องขอกำลัง เพื่อรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปตามระเบียบอยู่แล้ว เขาระบุชื่อมาเราก็จัดไปตามที่ขอ ยืนยันการทำคดีจะทำตามข้อเท็จจริงไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทุกอย่างไม่มีความลับ ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่ พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนยึดอาวุธปืน 4 กระบอกที่ตรวจยึดมาจากตำรวจ 4 นายที่ติดตาม สจ.โต้งในวันเกิดเหตุ มีการส่งมอบอาวุธดังกล่าวให้ สพฐ.ตร.ตรวจเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุว่าตรงกันหรือไม่ และวันนี้พนักงานสอบสวนนัดสอบปากคำนายกฤษฎ์ กษมพันธุ์ หรือ สจ.อุ๊ รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี ในฐานะพยานที่ปรากฏในคลิปและข้อมูลต่างๆในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ นัดสอบปากคำ ด.ต.ศิลปชัย วงษ์นิกร หรือนายกตุ๋ย นายก อบต.บางเดชะ ที่ถูกกล่าวอ้างในฐานะพยานในวันเกิดเหตุ จากนี้จะเร่งติดตามพยานทั้งหมดและติดตามวัตถุพยานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป

รอง ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี กล่าวด้วยว่า เรื่องอาวุธปืนที่ใช้ในที่เกิดเหตุพบมี 6 กระบอก ตำรวจยึดตรวจสอบแล้วตั้งแต่หลังเกิดเหตุ พบมีเพียง 2 กระบอก เป็นปืน canik 9 มม. กระบอกนี้เป็นของนายกอล์ฟ ส่วนอีก 1 กระบอกเป็นปืนลูกซองของโกทร อีก 4 กระบอกตอนนี้ทราบตัวเจ้าของแล้ว แต่อยู่ในสำนวน ยืนยันว่าทั้ง 4 กระบอกไม่ใช่ปืนที่ใช้สังหาร สจ.โต้ง ส่วนพยานแวดล้อมมีจำนวนมากจะทยอยเรียกมาสอบ อาจต้องใช้เวลาสักระยะ เนื่องจากเมื่อขยายผลออกไปยิ่งพบความเชื่อมโยงมากขึ้น จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนบุคคลใกล้ชิดกับผู้ตาย อาทิ สจ.จอย ภรรยา พี่ชาย และน้องชาย จะเรียกมาสอบหลังเสร็จงานศพวันที่ 17 ธ.ค. ทั้งนี้ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 สั่งการปราบปรามอาวุธปืนและกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับปัญหาการเลือกตั้ง อบจ. อีก 3 เดือนข้างหน้า โดยจะมีการเปิดรับสมัครในวันที่ 23 ธ.ค.นี้

ส่วน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนคืบหน้าอย่างมาก บางประเด็นมีความกระจ่างชัดเจน อยู่ในระหว่างเรียกผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่เหลือมาสอบปากคำให้ครบทุกประเด็น แม้จะมีกระแสข่าวว่าจะมีการละเว้นบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เรียกสอบปากคำ ขอให้เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจ ผบ.ตร.กำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ให้นำกำลังกองปราบปรามเข้าร่วมตำรวจพื้นที่ บช.ภ.2 สืบสวนขยายผลทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ จากนี้จะให้กองปราบฯทำเรื่องขอเสนอผู้บังคับบัญชาให้เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบคดี เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงสะเทือนขวัญ อีกทั้งผู้ร่วมก่อเหตุมีประวัติอาชญากรรมหลายคดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยจะประชุมอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจกำลังตรวจหาร่องรอยพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในระหว่างรวบรวมพยานภายในบ้านที่เกิดเหตุพบกระสุนตกหลายจุด โดยเฉพาะชั้นล่างของบ้าน จุดเกิดเหตุเริ่มจากชั้น 2 พบร่องรอยของการถูกทำร้าย ร่องรอยการยิง การใช้อาวุธ ส่วนชั้นล่างเจอเศษชิ้นส่วนกระสุนจำนวนมาก จากพยานหลักฐานเชื่อว่าตามมายิงข้างล่างอีก ส่วนวิถีกระสุนเจอทั้งยิงในบ้านและนอกบ้าน เบื้องต้นพบว่ามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานที่บางอย่าง แต่ต้องรอการสอบปากคำละเอียดและรอให้กองพิสูจน์หลักฐานสรุปผลการตรวจพิสูจน์วงจรปิดใช้งานได้หรือไม่

“จากการประชุมร่วมกันเชื่อว่ามีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า มีการแบ่งหน้าที่ มีการวางแผน ยังไม่ฟันธงว่าใครเป็นคนยิง ใครจะพูดอะไรเรารับฟัง เชื่อหรือไม่เชื่ออยู่ที่พยานหลักฐาน ขณะนี้ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนการบงการของใครนั้นจะต้องมาดูรายละเอียดสำนวนการสอบสวนว่าคนบงการมีคนเดียวหรือมีทีมงานด้วย” พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายสุนทร หรือโกทรพร้อมพวกรวม 7 คนที่ถูกส่งตัวฝากขังเรือนจำจังหวัดครนายก อ.องครักษ์ จ.นครนายก พบว่าวันนี้เจ้าหน้าที่งดเยี่ยมผู้ต้องขัง เนื่องจากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สอบถามนายรัตนะ ปัญญาเมืองใจ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ลูกสาวของนายสุนทรนำยารักษาโรคประจำตัวมาให้พ่อก่อนเดินทางกลับ ส่วนคืนแรกที่นอนเรืนจำโกทรไม่มีอาการเครียด ไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ กินได้นอนหลับ เรื่องอาหารการกินเรือนจำให้เหมือนกับนักโทษทั่วไป เรื่องสุขภาพก็มีพยาบาลดูแล ตามระเบียบต้องกักตัวโรคโควิด 5 วัน ถึงจะอนุญาตให้เยี่ยมได้ ส่วนรายละเอียดได้รายงานให้กรมราชทัณฑ์หมดแล้ว

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการควบคุมตัวนายสุนทร พร้อมลูกน้องรวม 7 คน ฝากขังเรือนจำจังหวัดนครนายกว่า ศาลส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย เข้าเรือนจำเป็นไปตามขั้นตอนปกติ แต่การบริหารการควบคุมภายหลังจากรับตัวแล้วจะนำตัวไว้เรือนจำใดเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม คำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยและสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ ถ้าเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี เป็นเรื่องที่เรือนจำจะต้องนำเรียนศาลก่อน เรือนจำจังหวัดนครนายกเป็นเรือนจำสร้างใหม่ สร้างเสร็จเมื่อปี 66 มีความมั่นคงสูง สำหรับการรับตัวคืนแรกกักโรคเช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป ไม่ได้แยกกักตัวที่สถานพยาบาลแต่อย่างใด ระหว่างกักตัวการพบทนายความเป็นไปตามสิทธิ ญาติสามารถซื้อของฝากได้และมาเยี่ยมที่เรือนจำได้เมื่อพ้นระยะกักโรคแล้ว

นางกนกวรรณกล่าวอีกว่า กรณีโกทรแรกรับให้ความร่วมมือดี เรือนจำตรวจร่างกายตรวจสุขภาพไปตามขั้นตอน โกทรอายุ 85 ปี พบโรคประจำตัวทั่วไปของผู้สูงอายุ และผ่าตัดเข่า อยู่ในห้องกักโรคทั่วไป ภายหลังพ้นระยะกักโรคจะมาพิจารณาอีกครั้ง ช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามโกทร ทราบว่าพักผ่อนนอนหลับได้ ไม่มีปัญหาเรื่องความเครียดมากนักและไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ในเรื่องเมนูอาหารเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.เป็นแกงจืดวุ้นเส้นลูกชิ้นปลากับหน่อไม้ผัดไข่ ส่วนมื้อเช้าวันนี้เป็นผัดฟักทองไก่ มื้อกลางวันไข่ต้ม และมื้อเย็นเป็นเมนูต้มกะทิปลาทูฟักเขียว กุนเชียงทอด อย่างไรก็ตาม เรือนจำมีมาตรการการดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัย จะหลีกเลี่ยงการพบเจอกับคู่กรณีหรือผู้เสียผลประโยชน์

ด้าน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร.ที่เคยเปิดปฏิบัติการเข้าจับกุมผู้มีอิทธิพลกลุ่มนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง กล่าวว่า ช่วงนั้นเข้ากวาดล้างผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากเข้ามาก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรง ฮั้วประมูลการรับเหมา รับงานราชการในพื้นที่ ขัดขวางเจ้าหน้าที่รัฐ มีคนมีสีข้าราชการตำรวจทหารและฝ่ายปกครองเกี่ยวข้อง กระทำเป็นเครือข่ายสร้างความหวาดกลัวให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจับกุมกลุ่ม สจ.โต้งกับพวกติดคุกมาหลายปี และเชื่อว่าการที่ สจ.โต้งติดคุกในครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งกัน

พล.ต.อ.วินัยกล่าวว่า ตอนนั้นตำรวจพยายามขยายผลให้ถึงหัวขบวนการ มีการตรวจค้น อบจ.ปราจีนบุรี ทั้งห้องนายก อบจ. และเลขานุการ ได้พยานหลักฐานพอสมควร มีหลักฐานการจ่ายเงินค่าฮั้วประมูล ตำรวจได้แจ้งข้อหานายก อบจ. ขณะนั้นคือน้องสาวโกทรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ แต่หลักฐานไปไม่ถึงโกทร อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการครั้งนั้นทำให้เห็นว่าปลายทางอำนาจทางการเมืองท้องถิ่นเชื่อมโยงกับธุรกิจต่างๆที่อยู่เบื้องหลัง ตอนนั้นจับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจ 20 คน ทำให้อิทธิพลเงียบสงบไปได้
“กลุ่มผู้มีอิทธิพลในทุกกลุ่มล้วนแล้วแต่มีตำรวจและข้าราชการเป็นไม้ค้ำ ผู้มีอิทธิพลธรรมดาจะขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพลไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยช่วย ขนาดโดนปราบโดนแจ้งข้อหา จับแล้วติดคุกไปแล้วยังกลับมาสยายปีกได้เหมือนเดิม มองว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลต่อเนื่อง และกวดขันข้าราชการที่เป็นไม้ค้ำเสริมบารมี โดยเฉพาะการกวดขันอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้อยู่เหนือกฎหมาย” อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าว