“สมรักษ์ คำสิงห์” แจ้งความดำเนินคดีขบวนการจ้างล้มมวย นักมวยในสังกัด 250,000 บาท มีการจับแฟนนักมวยเป็นตัวประกัน พ้อกฎหมายมวยออกมาเป็นสิบปีไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ จับได้ก็เงียบหายไป
จากกรณี สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองมวยโอลิมปิก เข้าแจ้งความกับตำรวจดำเนินคดีกับนักมวยในสังกัด และขบวนการรับจ้างล้มมวย ภายหลัง “สองหมัด พยัคฆ์คำสิงห์” นักมวยในสังกัด ล้มมวยด้วยค่าจ้าง 250,000 บาท ในการขึ้นเวทีมวยราชดำเนิน ชกกับ “ชรัณ ดาบรันสารคาม” ศึกเพชรยินดี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยกรรมการไล่ สองหมัด พยัคฆ์คำสิงห์ ลงจากเวทีในยกที่ 3 โดยประกาศผ่านไมค์ว่า สองหมัดชกไม่สมศักดิ์ศรี
ซึ่ง สมรักษ์ คำสิงห์ หัวหน้าค่าย ได้ให้ความเห็นหลังจากดูฟอร์มการชกบนเวทีแล้วว่า สองหมัดชกแบบนี้ ล้มมวยแน่นอน และถึงกับบ่นว่าท้อ เบื่อที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ไม่อยากทำค่ายมวยต่อ ก่อนจะเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้จ้างล้มมวยให้ถึงที่สุด
โดยทางครูมวยค่ายพยัคฆ์คำสิงห์ ได้เข้าไปสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่านักมวย ให้การรับสารภาพว่าได้ล้มมวยจริง โดยได้รับการติดต่อให้จ้างล้มมวยจำนวน 250,000 บาท โดยนัดจ่ายเงินในภายหลังหากล้มมวยสำเร็จ ซึ่งนัดรับเงินในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และผู้ว่าจ้างนั้นทราบชื่อย่อคือ “พ.” อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลของตำรวจ เพื่อจับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 พ.ย. 2567 นายสมรักษ์ คำสิงห์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้คุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีที่มีการล้มมวย ซึ่งเป็นบ่อนทำลายวงการมวยอย่างแท้จริง จับได้ก็ไม่เคยถูกลงโทษ รอดทุกงาน ทั้งที่มีกฎหมายมวยออกมาแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินดำเนินคดีได้จริง ในกรณีที่ตนเองเจอนั้น เป็นลูกศิษย์ในค่ายตัวเอง ตนเองยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จากการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้ พบภาพหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนแล้ว ซึ่งจะมีการออกหมายเรียก หมายจับตามขั้นตอน และมีการจับตัวแฟนสาวของนักมวยเป็นตัวประกัน เพื่อให้รับจ้างล้มมวยเป็นเงิน 250,000 บาท รับเงินมาแล้วประมาณ 30,000 กว่าบาท มีการไล่กล้องวงจรปิดและเห็นหน้าตาทุกคนที่ร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นมะเร็งร้ายในวงการมวยอย่างแท้จริง และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นตัวอย่าง
สมรักษ์ คำสิงห์ กล่าวอีกว่า ฝากถึงนักมวยทุกคน ถ้าเป็นนักมวยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต พวกล้มมวยไม่มีวันเจริญอย่างแน่นอน การล้มมวยคือการทรยศต่อวิชาชีพ ซึ่งพ่อของตนเองสอนมาตั้งแต่เด็กว่าต้องเป็นคนดีห้ามล้มมวย ถ้าล้มมวยคือการทรยศต่อวิชาชีพ พวกล้มมวยจะไม่มีวันเจริญ ซึ่งคำสอนของพ่อนั้นยังอยู่ในหัวสมองของตนเองตลอดเวลา ส่วนพวกที่เป็นแก๊ง หรือขบวนการจ้างนักมวยล้มมวยนั้น ถ้ากฎหมายมันไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ต้องต่อยกันแล้ว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กฎหมายมวยที่ออกมา 10 กว่าปี จะทำงานอย่างจริงจัง เพื่อเอาขบวนการเหล่านี้เข้าคุกได้
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ