ราชทัณฑ์ ชี้แจง หลังอดีตผู้ต้องขังร้องโดนตบทรัพย์ในเรือนจำ กว่า 100 ล้าน อ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ ยันหากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะเอาผิดทางวินัยและทางอาญา
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 67 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ซึ่งทาง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้วนั้น (อ่านข่าว : “ทวี” สั่งสอบ ปม จนท.ตบทรัพย์ผู้ต้องขัง สูญเงินกว่า 100 ล้าน อ้างช่วยพ้นโทษเร็วขึ้น)
ล่าสุด (5 ธ.ค. 67) กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากนายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 67 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่
กรณีนายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหายถูกนาย ท. อดีตผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กับพวกได้กระทำการหลอกลวง ตั้งแต่เดือนก.ย. 60 ถึงเดือนก.ย. 63 โดยนาย ท. ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ต้องขังอื่นหลงเชื่อว่าสามารถช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 กรณีนาย ท. หลอกผู้ร้องว่าสามารถช่วยให้ออกจากเรือนจำฯ ได้ นั้น ขอเรียนว่า นาย ท. จะให้บิดาของนาย ท. มาเยี่ยมผู้ร้อง และหลอกว่าสามารถช่วยให้ออกจากเรือนจำฯ ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ แต่ผู้ร้องไม่หลงเชื่อจึงได้ปฏิเสธไป
ประเด็นที่ 2 กรณีนาย ท. แจ้งผู้ร้องให้มอบอำนาจให้บิดานาย ท. แจ้งความร้องทุกข์กับบุคคลที่ปลอมลายมือชื่อผู้ร้องในการขายบ้านจัดสรรของผู้ร้องโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลอกลวงให้ทำหนังสือมอบอำนาจในการขายที่ดินแก่บิดานาย ท. แต่เมื่อขายได้แล้วกลับไม่นำเงินให้ผู้ร้อง นั้น ขอเรียนว่า เป็นการตกลงธุรกรรมส่วนตัวของผู้ร้องกับนาย ท. ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้ร้องและนาย ท. เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำฯ แต่ไม่มีการร้องเรียนในห้วงเวลานั้น ทำให้เรือนจำฯ และกรมราชทัณฑ์ ไม่ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
ประเด็นที่ 3 กรณีนาย ท. หลอกญาติของผู้ต้องขังรายหนึ่งว่า สามารถช่วยเรื่องการประกันตัวและการต่อสู้คดีได้ นั้น ขอเรียนว่า ผู้ร้องแจ้งว่ามีผู้เสียหายรายอื่นถูกนาย ท. และบิดานาย ท. หลอกว่าสามารถช่วยเรื่องการประกันตัวและการต่อสู้คดี ทั้งนี้การประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของกรมราชทัณฑ์แต่อย่างใด และผู้เสียหายเองก็ไม่ได้ดำเนินการร้องเรียนในระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำฯ
อนึ่ง กรมราชทัณฑ์มีข้อกำหนดเกี่ยวกับระเบียบวินัยของผู้ต้องขังอย่างชัดเจน และมีช่องทางในการร้องเรียนร้องทุกข์ให้กับผู้ต้องขังที่ถูกกระทำโดยมิชอบ ไม่เป็นธรรม ทั้งจากผู้ต้องขังด้วยกันและเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่าในช่วงเกิดเหตุดังกล่าว ผู้ร้องมิได้ดำเนินการใดๆ ให้เรือนจำและกรมราชทัณฑ์ทราบ จึงไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันตัวผู้ร้อง และนาย ท. ได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษแล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 62 และวันที่ 3 ต.ค. 63 ตามลำดับ แม้ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะรายงานว่า ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงดังกล่าว อย่างไรก็ดี กรมราชทัณฑ์ยังคงเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อให้ความจริงปรากฏ หากพบว่าเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาต่อไป
กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า เรือนจำฯ มีกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติกับผู้ต้องขังอย่างเคร่งครัดในทุกด้าน และหากผู้ต้องขังต้องการร้องทุกข์หรือร้องเรียนก็มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องทุกข์หรือเรื่องราวใด ๆ ต่อเจ้าพนักงานเรือนจำ ผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดี รัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายที่กำหนดได้ ซึ่งตลอดมากรมราชทัณฑ์ยังคงยึดหลักตามมาตรการภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ