ประชุมนิทานปกรณัม (ธรรมนิตย์ ชำนาญ บก.ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ พิมพ์ พ.ศ.2557) หัวข้อ นิทานอิหร่านราชธรรม…ขึ้นต้นว่าแล้ว พระเจ้ามามูน เสด็จไปทักษิณรอบพระมณฑปๆนั้นๆ เป็น 12 เหลี่ยม
จารึกอักษรไว้เป็นนิทานทุกเหลี่ยม เหลี่ยมที่ 2 จารึกเรื่อง พระเจ้าหุมายุน คิดเก็บภาษีผลทับทิม
ยังมีพระมหากษัตริย์องค์หนึ่ง ชื่อสมเด็จพระเจ้าหุมายุน เสวยราชสมบัติ ณ เมืองบุศรา เธอทรงม้าเสด็จประพาสกวางกับรี้พลไป อยากน้ำหาน้ำจะเสวยมิได้ พอพบสวนทับทิมจึงหยุดม้า
ตรัสถามผู้เฒ่านายสวนนั้นว่า น้ำมีฤา เราจะขอกินบ้าง
ผู้เฒ่านายสวนบอกว่า น้ำไม่มี มีแต่ทับทิม ถ้าท่านจะกินเชิญเข้ามา พระเจ้าหุมายุนจึงเสด็จเข้าไปนั่งที่ศาลา แลนายสวนนั้นจึงปลิดเอาทับทิมมาลูกหนึ่งใส่ในผ้าขาว แล้วบีบได้น้ำเต็มชาม ส่งให้พระเจ้าหุมายุนเสวย
เสวยเสร็จแล้ว จึงตรัสถามผู้เฒ่านายสวนว่า ทับทิมนี้เสียอากรฤามิได้
ผู้เฒ่านายสวนบอกว่า ทับทิมมิได้มีอากร แลซึ่งมีอากรนั้นแต่ที่ไร่นาอื่นๆ
พระเจ้าหุมายุนตรัสถาม ทับทิมสวนนี้ขายได้ปีละเท่าใด นายสวนบอกปีก่อนนี้ขายได้เหลือกินอยู่เป็นทอง 300 สลึง พระเจ้าหุมายุนคิดในพระทัย สวนทับทิมมีอยู่ในแว่นแคว้นนี้ เรียกอากรสิบลดหนึ่ง ก็จะได้ภาษีมากอยู่
แล้วจึงให้นายสวนบีบน้ำทับทิมให้กินอีกชามหนึ่ง
นายสวนก็ไปปลิดเอาทับทิมมาบีบ เป็นทับทิมถึง 30 ใบ น้ำก็มิได้เต็มชาม
พระเจ้าหุมายุนตรัสถามบัดนี้บีบทับทิมถึง 30 ใบแล้ว น้ำก็มิได้เต็มชาม ด้วยเหตุอันใด
แลผู้เฒ่านายสวนบอกว่า ท่านเอ๋ย มั่นแม่น พระมหากษัตริย์เมืองเรานี้ คิดจะเรียกเอาอากรทับทิมแล้ว
พระเจ้าหุมายุน คิดในพระทัย เรานี้คิดจะเรียกอากรทับทิม แลน้ำทับทิมแห้งไป ดังนี้ ถ้ามิได้เรียกอากรนั้น จะเป็นประการใด อย่าเลย เราไม่เรียกอากรทับทิมแล้ว จึงตรัสแก่ผู้เฒ่านายสวนว่า ไปปลิดทับทิมมาบีบดูอีกใบหนึ่งเถิด
ผู้เฒ่านายสวนไปปลิดเอาทับทิมมาบีบได้น้ำเต็มชาม แล้วยังเหลืออยู่อีก แลผู้เฒ่านายสวนก็ยิ้มแย้มว่า
ท่านเอ๋ย พระมหากษัตริย์เมืองเรา มิคิดจะเรียกเอาอากรทับทิมแล้ว
เราได้ยินธรรมเนียมผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบๆมาว่า พระมหากษัตริย์เมืองใดก็ดี ผลไม้ซึ่งมิได้มีอากรให้เรียกอากร
ผลไม้นั้นมิสู้เป็นผล รสนั้นก็คลายลง
อันสิ่งใดเคยเรียกอากรนั้น ถ้าเรียกให้เหลือ (เกิน) ไปกว่าธรรมเนียม ต้นไม้เรือกสวนไร่นาก็จะร่วงโรยไป
เห็นมากจะได้น้อย รักที่น้อยจะได้มาก
พระเจ้าหุมายุนจึงตรัสถามว่า เหตุใดจึงว่าดังนี้ ผู้เฒ่านายสวนว่าถ้าเรียกอากรมากขึ้น ผู้จะทำเรือกสวนไร่นานั้นก็จะร้างไป อากรก็ขาดลง
ถ้าลดอากรลง ผู้ใดซึ่งเคยทำเรือกสวนไร่นานั้น เห็นจะได้ภาษีก็ชักชวนกันทำ แลเคยปลูกต้นไม้หนึ่งสองต้น ก็จะปลูกขึ้นคนละ 9 ต้น 10 ต้น เรียกอากรขึ้นได้มากกว่าแต่ก่อน
พระเจ้าหุมายุนก็เห็นจริงด้วย
ในกาลนั้นเสนาบดีรี้พลก็มาพร้อมกัน ณ ที่นั้น ผู้เฒ่านายสวนรู้ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ตกใจหน้าเผือด พระเจ้าหุมายุนก็ตรัสแก่เสนาบดี ให้แต่งตราคุ้มห้ามยกเว้นอากรให้
เมื่อเสด็จกลับเข้าถึงวัง พระเจ้าหุมายนจึงสั่งแก่ชาวพนักงานว่า สิ่งใดที่ก่อนแต่โบราณมิได้เคยเรียกอากร อย่าได้เรียก ขนอนตลาดซึ่งเคยเรียกนั้น ให้ลดลงกว่าแต่ก่อน
ครั้นอยู่มา ส่วยสาอากรก็ได้มากขึ้นทุกปีๆ
บทสุดท้าย นิทานชุดนี้เขียนว่าบ้านเมืองใด ถือเอาตามจารีต ครบ 12 เหลี่ยมแล้ว บ้านเมืองนั้นก็อยู่เย็นเป็นสุข องค์พระมหากษัตริย์จะถูกขนานพระนามว่า พระเจ้าทรงธรรม…ทุกพระองค์แล.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ