“ปวีณา” พาตัวแทนเหยื่อร่วมร้อยคนร้องทุกข์ตำรวจ ปอศ.หลังถูกบริษัทอสังหาฯ แห่งหนึ่งอาสาปิดหนี้ให้ก่อนนำเอกสารผู้เสียหายไปซื้อคอนโดฯรายละ 3-5 ห้อง สุดท้ายแต่ละรายตกเป็นหนี้ธนาคารหลายสิบล้านบาทก่อนที่บริษัทปิดตัวหนี ยอดเสียหายรวมกัน 3,000 ล้านบาท ขณะที่ ผบก.ปอศ.สั่งเปิดห้องรับแจ้งความจากผู้เสียหายเป็นการเฉพาะคดีนี้แล้ว เผยก่อนหน้า “ปวีณา” พาเหยื่อร้องดีเอสไอช่วยประสานแบงก์ชาติส่งเรื่องไปยังธนาคารทุกแห่งเพื่อประนอมหนี้ช่วยเหลือเหยื่อเป็นการเบื้องต้น ขณะที่ดีเอสไอรับเรื่องไว้หากพบเข้าข่ายจะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป
กรณีมีผู้เสียหายนับร้อยรายจากทั่วประเทศร้องเรียนนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถูกกลโกงบริษัทอสังหา ริมทรัพย์แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เสนอตัวช่วยปิดหนี้อาทิ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บ้านและรถยนต์ โทร.ให้คำแนะนำกระทั่งปิดหนี้ได้ จากนั้นนำเอกสารผู้เสียหายไปยื่นกู้ซื้อคอนโดมิเนียมรายละ 3-5 ห้อง สุดท้ายกลับเป็นหนี้ธนาคารหลายล้านบาท ขณะที่บริษัทปิดตัวหนีติดต่อไม่ได้ หลายคนเครียดจัดคิดฆ่าตัวตาย เพราะถูกทวงหนี้ ฟ้องยึดทรัพย์บังคับคดีเชื่อทำเป็นขบวนการ รวมความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยนางปวีณาเตรียมพาเหยื่อแจ้งความหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย 70 คน ตัวแทนจากทั้งหมด 200 กว่าคน เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ช่วยตรวจสอบบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งหลอกลวงช่วยปิดหนี้ก่อนนำเอกสารไปซื้อคอนโดมิเนียมคนละหลายห้อง จนผู้เสียหายตกเป็นหนี้กันคนละกว่า 10 ล้านบาท ยอดหนี้รวมกว่า 3 พันล้าน
นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากผู้เสียหายที่เดินทางมามูลนิธิปวีณาฯเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ได้ตรวจสอบเอกสารกฎหมายมีความละเอียดมากมีสัญญาเกือบทุกเรื่อง มองถึงการแก้ปัญหาหนี้สินเป็นหลักก่อนว่าจะแก้อย่างไร สิ่งแรกที่เป็นห่วงคือหนี้สินที่ต้องแบกหนี้คนละ 10 ถึง 20 ล้านบาท บางคนมากถึง 40 ล้านบาท ทั้งที่ทุกคนอายุยังน้อย อยู่ในวัยทำงานต้องเลี้ยงดูครอบครัวเลี้ยงดูลูกและพ่อแม่ ทุกคนพะวงว่าถ้าหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้จะเป็นบุคคลล้มละลาย หมายความว่าชีวิตเขาจะอยู่อย่างไร เอาเงินที่ไหนเลี้ยงดูครอบครัว ถูกออกจากงานยึดทรัพย์สินเสียเครดิต ได้พาผู้เสียหายมายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นางปวีณากล่าวต่อว่า ได้ขอให้ดีเอสไอเป็นหน่วยงานหลักประสานธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งเรื่องไปยังธนาคารทุกแห่งเพื่อประนอมหนี้ เช่น ไม่คิดดอกเบี้ย ชะลอการชำระเงินกู้ ให้ผู้เสียหายมีโอกาสตั้งหลักขายหรือให้เช่าคอนโดฯ เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีกำลังส่งค่างวดกู้ซื้อคอนโดฯพร้อมกันหลายห้องได้ รวมทั้งขอให้ตรวจสอบบริษัทที่ทำธุรกิจในรูปแบบนี้ที่ตอนนี้มีการโฆษณาในโซเชียลอยู่เป็นจำนวนมาก หากมีคนหลงเชื่อจะทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้
น.ส.ไก่ (นามสมมติ) ผู้เสียหายรายหนึ่งกล่าวว่า เป็นพนักงานบริษัทมีเงินเดือน 4 หมื่นกว่าบาท ก่อนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ 9 แสนบาท จู่ๆบริษัทแห่งนี้โทร.มาเสนอปิดหนี้บัตรเครดิตให้ ไม่ทราบรู้เรื่องหนี้สินตนได้อย่างไร แต่เขาจ่ายเงินปิดให้จริงมีเงื่อนไขห้ามเป็นหนี้อะไรอีก เพราะต้องการให้ปลอดหนี้ที่แสดงในเครดิตบูโร จากนั้นได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คูคต ว่า บริษัทปิดหนี้ให้และทำสัญญาจะต้องร่วมกับบริษัทในโครงการกู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านไป 3-6 เดือน เมื่อบูโรใสสะอาดเขาให้กู้ซื้อคอนโดฯ ทีแรกคิดว่ากู้ซื้อห้องเดียวแต่เขาเอาเอกสารไปยื่นทุกธนาคารพร้อมกัน สําหรับตนมีชื่อกู้คอนโดฯ 4 แห่ง 4 ห้อง เป็นหนี้ 16 ล้านบาท บริษัทให้ผ่อน 1 ห้อง ส่วนบริษัทจะผ่อนอีก 3 ห้อง สัญญา 2 ปี จะซื้อคืน ผ่านไประยะหนึ่งบริษัทไม่ผ่อนทำให้ถูกธนาคารทวงถาม กระทั่งกลุ่มผู้เสียหายตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมีสมาชิกกว่า 200 คน ทุกคนเครียดมากเพราะบริษัทปล่อยทิ้งมีหนังสือบอกให้ไปประนอมหนี้กับธนาคาร บริษัทปิดดำเนินการแล้ว ตนเครียดจัดกำลังจะผูกคอตายพอดีโทร.ไปมูลนิธิปวีณาฯได้พูดคุยกันจนทุกคนรวมตัวกันไปขอความช่วยเหลือ
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบ พร้อมแนะนำผู้เสียหายให้ไปแจ้งความกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพราะเป็นเรื่องเศรษฐกิจความเสียหายเกิดขึ้นถึง 3,000 ล้านบาท แต่ขอตรวจสอบถ้าเข้าข่ายจะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป
จากนั้น นางปวีณา หงสกุล ได้พาผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางต่อไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง (บช.ก.) เข้าพบ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. นางปวีณา เผยว่า เมื่อช่วงเช้าพาผู้เสียหายเข้าไปยื่นเรื่องต่อดีเอสไอแล้ว แต่ไม่สามารถแจ้งความได้ต้องมาแจ้งความที่ บก.ปอศ. เพื่อให้พิจารณาว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ก่อนส่งเรื่องให้ดีเอสไอดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
มีรายงานว่า หลังรับแจ้งความ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ทราบว่า ยังมีผู้เสียหายอีกมากได้เปิดห้องรับแจ้งความสำหรับคดีนี้โดยเฉพาะให้กับผู้เสียหายสามารถมาแจ้งความได้ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปรามด้วย
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ