“บิ๊กต่าย” สั่ง “ผู้ช่วยอ้อ” ดูเคส THE iCON GROUP หลังโลกออนไลน์กระหน่ำเข้าข่ายหลอกลงทุนโดยใช้ศิลปินดาราคนดังเป็นตัวดึงดูด สั่ง บก.ปคบ.ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ รอรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเชิญดารานักแสดงที่ปรากฏตามข่าวให้ข้อมูล ด้าน “แซม ยุรนันท์” 1 ในดาราดังที่ถูกระบุเป็น 1 ในผู้บริหาร THE iCON GROUP เปิดใจผ่านไทยรัฐทีวี การเอาเปรียบประชาชนเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยไม่มีตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะมีบทเรียนให้เห็นอยู่ตลอด คนที่เอาเปรียบคนจนร่ำรวยไม่มีใคร ได้อยู่อย่างมีความสุข ขณะที่ “บอสพอล” โผล่โพสต์ แจงยันทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบผ่านกระบวนการยุติธรรม

ตำรวจขยับจ่อทำคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป THE iCON GROUP เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ต.ค. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผย ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมด่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจ ปคบ.เพื่อประชุมสั่งการคดีต่างๆที่มีประชาชนตกเป็นผู้เสียหาย จากการชักชวนลงทุนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีบริษัท เคทูเอ็นโกลด์ จำกัด คดีหลอกขายทองห้างเพชรทองธาดา โกลด์ และคดีหลอกขายทองปลอมเครือข่ายแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ และล่าสุดคดี THE iCON GROUP ที่มีการหลอกให้ลงทุน โดยดึงศิลปินดารานักแสดงชื่อดังร่วมเป็นเครือข่ายเพื่อดึงดูดให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุนจำนวนมากตามที่ปรากฏเป็นข่าว

พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวต่อว่า ได้รับการสั่งทางวาจาจาก รรท.ผบ.ตร.ให้ตนลงมาคุมคดีนี้ วันนี้ได้เรียกประชุมทีมงานมี พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และคณะพนักงานสอบสวนมาประชุม เบื้องต้นที่รับรายงานมีผู้เสียหายหลายรายร้องผ่านผู้ดำเนินรายการรายการหนึ่ง และทนายดังคนหนึ่งว่า กิจการบริษัทนี้เป็นบริษัทขายตรง มีผู้เสียหายหลายรายซื้อสินค้าไปแล้วไม่สามารถขายได้ รวมทั้งไม่รับคืนสินค้า สร้างความเสียหายให้จนบางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เท่าที่ทราบในวันพรุ่งนี้จะมีการนำผู้เสียหายมาร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. ส่วนจะเรียกศิลปินนักแสดงที่ปรากฏทางโซเชียลมิเดียลักษณะเป็นพรีเซนเตอร์หรือมีตำแหน่งใน THE iCON GROUP พูดหรือเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุนด้วยหรือไม่นั้น จะต้องตรวจสอบรายละเอียดทุกองคาพยพ รวมถึงเชิญผู้เสียหายมาให้ข้อมูล ส่วนจำนวนผู้เสียหายขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ยืนยันว่าหากมีข้อมูลมีพยานหลักฐานก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างครบถ้วน

สำหรับการลงมาคุมคดีนี้ของ พล.ต.ท.อัคราเดช สืบเนื่องมาจากกรณีที่ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” พิธีกรชื่อดังโพสต์ข้อความว่า “เหล่าแม่ข่ายบริษัทเครือข่ายดังเริ่มข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็กเซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?” จากนั้นเพจอีซ้อขยี้ข่าวได้ออกมาเฉลยว่าเป็นบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทธุรกิจออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม มีดารา-นักแสดงชื่อดังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหลายคน ทั้งเป็นพรีเซนเตอร์ และมีชื่อเป็นถึงระดับบอสของบริษัท พร้อมเปิดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง 3 คนคือ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี Chief Research Officer (CRO) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, กันต์ กันตถาวร Chief Marketing Officer (CMO) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และมิน พีชญา วัฒนามนตรี Chief Communication Officer ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์

บิ๊กต่าย สั่งสอบ THE iCON GROUP หลังถูกกล่าวหาหลอกลงทุน

วันเดียวกัน พระเอกดังตลอดกาล แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ซึ่งมีชื่อเป็นผู้บริหาร THE iCON GROUP ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ ได้เปิดใจกับไทยรัฐทีวีว่า ในฐานะที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานใหม่ เห็นว่าวันนี้มีคนขายของกันไม่ได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ เห็นข่าวก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเห็นใจคนเดือดร้อน เห็นว่าเรื่องการพูดคุยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บริษัทเองจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับฟังด้วยว่ามันเป็นเพราะอะไร เพราะต้นทุนการขายหรือมีแต่คนขายไม่มีคนซื้อต้องมาทบทวน ตนยืนอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย ถามว่าตนเดือดร้อนไหม ก็อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะประชาชน ถ้าคนเดือดร้อนเยอะขนาดนี้ต้องช่วยทำอย่างไรให้เขาขายของให้ได้เยอะขึ้นและจะช่วยได้อย่างไรบ้าง ก็ต้องพูดคุยกัน แต่ถ้าจะเอาผิดกันสนุกสนานเหยียบกันให้ตายไปข้างก็แล้วแต่ แต่มันจะไม่ได้ข้อสรุปการช่วยเหลือเยียวยา คนที่เดือดร้อนจริงๆควรเข้ามาพูดคุยกัน แต่ถ้ามีการกล่าวหาว่าบริษัททำผิด ตนก็ไม่ได้เข้าข้าง ถ้าวันนี้รู้ว่าบริษัททำผิดแล้วเข้าร่วมด้วย แสดงว่าเข้าร่วมกระบวนการการทำผิด

แซมกล่าวต่อว่า แต่วันนี้ที่มาบอกในส่วนของตนซึ่งอยู่ในส่วนของการดูแลเรื่องสินค้า เป็นผู้บริหารในด้านของสินค้า เป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและวิจัยผลิตภัณฑ์ ตอนที่เขาเชิญมาบอกตอนนี้มีตัวแทนขายทั่วโลก เขาชวนมาทำด้วย เพราะตนมีความรู้ทางด้านนี้ มาช่วยกันพัฒนาสินค้าให้โกอินเตอร์ มาช่วยกันดูว่าสินค้าไทยต้องมีคุณภาพทัดเทียมชาวโลกในราคาที่จับต้องได้ คิดว่าเป็นเรื่องดีจึงมาทำงานร่วมกัน ในช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ต้องไปคลาสทุกวันอาทิตย์ ที่บริษัทจะมีห้องต่างๆให้คนเข้าไปเรียนรู้ อย่างห้องตนคือห้องสินค้า คนมาห้องตนเพื่อมาเรียนรู้ว่าสินค้ามีอะไรบ้าง ดีอย่างไร ยืนยันไม่รู้ในรายละเอียดผู้บริหารบริษัท เป็นแค่คนใหม่ที่เพิ่งเข้าไปไม่ถึงปี เข้าไปดูแลเรื่องสินค้า ไม่ได้เข้าไปดูในส่วนของการขาย มาหาบอสแซมเพื่อมาปิดยอดจ่ายเท่านี้เท่านั้น ไม่มีเรื่องนั้น ถ้ามีเรื่องนี้แต่แรกอาจไม่เข้าไปตั้งแต่แรก ตนเป็นคนดูแลภาพลักษณ์เป็นคนดูแลเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าการไปเอาเปรียบประชาชนเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยไม่มีตรงนั้นอยู่แล้ว มันมีบทเรียนให้เห็นอยู่แล้วว่า คนที่เอาเปรียบคนโกงคนจนร่ำรวยมันไม่มีใครได้อยู่อย่างมีความสุข

อีกด้านหนึ่ง นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธาน กมธ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (ปปง.) เผยถึงกรณีสื่อหลายสำนักเสนอข่าวพฤติกรรมเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ปว่า กรณีนี้ กมธ.สามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบได้ ถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นมูลฐานความผิดเรื่องการฟอกเงิน เช่น ฉ้อโกง เข้ามูลฐานความผิดสามารถเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาได้ ส่วนจะเชิญ “บอสพอล” หรือนายวรัทย์พล วรัตน์วรกุล ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร ดิไอคอนกรุ๊ป มาชี้แจงก่อน หรือจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาก่อน หรือไม่นั้นต้องขอดูรายละเอียดก่อน อย่างวันนี้ กมธ.เพิ่งทำเรื่องร้านทองแม่ตั๊กวันนี้ยังคุยกันยังไม่จบ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ถามนี้ เดี๋ยวอาจหารือว่าจะทำอะไรกันได้บ้าง

เมื่อถามว่า เบื้องต้น กมธ.ทราบเรื่องเห็นกันหมดแล้วใช่หรือไม่ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะหยิบยกขึ้นมาดำเนินการหรือไม่ นายเลิศศักดิ์ตอบว่า ใช่ มีความผิดปกติแน่ๆ เพียงแต่ว่าขอเข้าไปดูนิดนึงว่ามันเข้ามูลฐานความผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือไม่ ถ้าใช่ เราเชิญหน่วยงานมาหาข้อเท็จจริงก่อนได้ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาร้องเรียนก็ได้ และอาจจะเสนอต่อที่ประชุมเลยก็ได้

ด้านนายจิติภัทร์ บุญสม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงกรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ว่า สคบ.ตรวจพบว่าบริษัทดังกล่าวเคยมาจดทะเบียนเพื่อขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ในปี 2562 จากนั้นปี 2565 ขอจดทะเบียนขายตรงและตลาดแบบตรง แต่นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียน เนื่องจากลักษณะการประกอบธุรกิจที่ชี้แจงมาไม่เข้าองค์ประกอบการขายตรง รูปแบบที่แจ้งมาเป็นลักษณะของการขายสินค้าให้กับยี่ปั๊วและซาปั๊ว ใครซื้อสินค้าปริมาณมาก ก็ได้ต้นทุนที่ต่ำกว่า เป็นลักษณะการขายปลีกและขายส่ง ต่างจากการขายตรงที่จะมีแม่ทีมและเครือข่าย ลูกทีม ที่ได้ปันผลเป็นทอดๆจากการขายสินค้า สคบ. จึงไม่รับจดทะเบียน

นายจิติภัทร์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปี 2563, 2565, 2567 มีผู้มาร้องเรียนกับ สคบ.รวม 15 ราย ว่า ได้ซื้อสินค้าไปแล้วนำไปขายต่อไม่ได้ ลักษณะนี้เป็นสัญญาในลักษณะบริษัทกับตัวแทนผู้ประกอบธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจด้วยกันเหมือนกับเป็นนักลงทุนจึงไม่เข้าข่ายความเสียหายของผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค แต่ สคบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจเรียกบริษัทมาเจรจา ทำให้ผู้ที่มาร้องเรียนได้รับเงินคืนไปแล้ว 13 ราย ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างดำเนินการในวันที่ 10 ต.ค. หากมีตัวแทนผู้เสียหายมาร้องเรียนกับ สคบ.จะนำสืบข้อเท็จจริง ถ้าหากเข้าข่ายธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงจะถือว่ามีความผิดการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 47 ของ พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง แต่ตามมาตรานี้มีโทษน้อยคือ จำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ประเด็นสำคัญหากเป็นตามที่มีการร้องเรียนกันในโลกโซเชียลต้องมาพิจารณาอีกว่าจะเข้าข่ายการกู้ยืมเงินหรือการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น สคบ.จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อ ข้อหาฉ้อโกงประชาชนจะมีโทษหนักกว่ากฎหมายที่ สคบ.ดูแล

สำหรับผู้ก่อตั้ง THE iCON GROUP ธุรกิจออนไลน์หลากหลายอย่างและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพคือ “พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” หรือ “บอสพอล” ซีอีโอและไอดอลแวดวงการเงิน เจ้าของประโยค “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” เป็นที่ฮือฮามากเมื่อปรากฏตัวอยู่บนป้ายโฆษณาหราขนาดใหญ่ทั่วเมืองแวดล้อมด้วยเหล่าคนบันเทิงที่มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ โดยบอสพอลปลุกปั้นอาณาจักร THE iCON GROUP ให้กลายเป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง พร้อมระบุว่า เปิดบริษัทมาเพียง 3 ปีกว่าๆ แต่มียอดขายทะลุ 5,000 ล้านไปแล้ว ในปี 2564

วันเดียวกัน “บอสพอล” หรือนายวรัทย์พล วรัตน์วรกุล ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร ดิไอคอนกรุ๊ป ได้โพสต์ชี้แจงในเฟซบุ๊กส่วนตัวสรุปใจความว่า ยืนยันการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส ส่วนกระแสที่เกิดขึ้น ในขณะนี้รู้สึกเสียใจอย่างมากที่มีผู้เสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากการทำธุรกิจ และขณะนี้ได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูลคนที่โพสต์ด่าทอบริษัทแล้วว่าเป็นบุคคลใดบ้างและยังบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่มีผู้เสียหายเคยคิดฆ่าตัวตาย บริษัทไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน และขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร หลักฐานทั้งหมด ทั้งยังยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบผ่านกระบวนการยุติธรรมและวิงวอนสังคมให้ตนเองและบริษัทได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด ถ้าทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ก็ย่อมได้รับโทษทางกฎหมาย

ส่วนความคืบหน้าคดี น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์ เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ 2 ผัวเมีย หลอกขายทองคำไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.จุฑามาศ สีดาว อายุ 23 ปี หรือ “ซ้อฝัน” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อให้ปากคำชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังมีกระแสข่าวเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ตำรวจออกหมายเรียกลอตเดียวกับ “เจ๊นุช บางเตย” และ “เมียหรั่ง” จากคดีร่วมกับแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์หลอกขายทองไม่ได้มาตรฐาน

ซ้อฝันกล่าวว่า หลังเข้าพบตำรวจแล้วทำให้ทราบว่า ยังไม่ได้มีการออกหมายเรียกตนแต่ที่มาให้ปากคำก็เป็นเรื่องที่ดี อยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็วเพราะถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนักว่าสนิทและเข้าข้าง “แม่ตั๊ก” ซึ่งไม่เป็นความจริง ยืนยันไม่ได้สนิทแม่ตั๊ก เพิ่งรู้จักกันตอนที่พาน้องพู่กันและน้องแมงปอมาไลฟ์ และแม่ตั๊กอยากให้น้องทั้ง 2 คนไปร่วมไลฟ์ด้วยเลยติดต่อตนมา หลังจากพาน้องทั้ง 2 คนไปร่วมไลฟ์ แม่ตั๊กก็ได้เลี้ยงข้าวขอบคุณ 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยติดต่อพบปะกันเป็นการส่วนตัว ส่วนที่พาน้องทั้ง 2 คนไปร่วมไลฟ์ตนไม่ได้เงินค่าจ้างใดๆ ไม่เคยได้รับการว่าจ้างให้ไปไลฟ์ขายสินค้าใดๆ ตนมีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้วเป็นผลิตภัณฑ์คนละโรงงานกับแม่ตั๊ก ไม่เคยคิดจะขายสินค้าร่วมกับใคร ไม่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงแม่ตั๊ก และไม่เคยได้รับทรัพย์สินใดๆจากแม่ตั๊กด้วย ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินตนหมดแล้วยืนยันว่าไม่พบความเชื่อมโยง