ทนายวิฑูรย์ เผย “บอสพอล” น่าเวทนามาก ถูกขังในเรือนจำ ทำให้การต่อสู้คดีลำบาก เตรียมเผยแพร่จดหมายอธิบายสังคม ฉบับที่ 3 ทำความเข้าใจ ทำไม “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว” ลั่นไฮไลต์สำคัญ อยู่ที่จดหมายฉบับที่ 5
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กล่าวหลังเข้าเยี่ยม บอสพอล ถึงกรณีบอสพอล เขียนจดหมายตัดพ้อ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า วันนี้มีการเข้าไปพูดคุยกับทางบอสพอล เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า มีการเอาข้อความจดหมายไปลงในโซเชียล ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและไม่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ รวมถึงมีการหารือกับบอสคนอื่น ถึงเนื้อหาของคดี เมื่อการฝากขังผัดที่ 6 ว่าจะมีการคัดค้านการฝากขังดีหรือไม่ รวมถึงประเด็น คำให้การในชั้นสอบสวน ที่มีเพียงบอสพอล ให้การอย่างละเอียดกับตำรวจเพียงแค่คนเดียว
“เมื่อวานเป็นวันรัฐธรรมนูญ จึงใช้โอกาสนี้ในการเผยแพร่ข้อความ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยังไม่เคยยื่นประกัน มีเพียงแค่ฝั่งบอสดาราที่มีการยื่น ซึ่งมีบอสวินยื่นประกัน แต่ได้รับเหตุ ในการไม่อนุญาตให้ประกันค่อนข้างรุนแรง ภายหลังจากที่บอสพอล ช่วงแรกสภาพจิตใจค่อนข้างดีขึ้น พอถูกคุมขังในเรือนจำนาน สภาพจิตใจก็เริ่มเครียด เจตนาที่มีการเขียนจดหมาย ต้องการที่จะบอกความรู้สึกในใจ ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนตัวมองว่า ทุกบอส ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีในการจับกุม และถ้ามีโอกาสประกันตัวออกมา ก็น่าจะได้มีช่องการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง”
ซึ่งในส่วนของการได้รับการประกันตัวเป็นดุลพินิจของศาล ไม่ได้เป็นการกดดันแต่อย่างใด แต่เป็นการพิจารณาแล้วว่า จะยังคงไม่ยื่นประกันตัว จะรอให้ครบกำหนดการฝากขังก่อน อีกทั้งมั่นใจว่า พนักงานสอบสวน จะทำสำนวนเสร็จทัน 84 วัน หรือ 7 ฝาก เพื่อทันส่งอัยการอย่างแน่นอน
นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องนำพยานไปให้ทางดีเอสไอสอบปากคำ 2,000 กว่าปาก และมีการคัดเลือก 30 ปาก สอบเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งให้การสอดคล้องว่า มีการยื่นเอกสารการซื้อสินค้า และจำหน่ายสินค้าได้จริง ได้ไปต่างประเทศจริง ถึงแม้ว่าตนจะไม่พอใจ แต่ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ส่วนกรณีที่ บอสพอลเขียนข้อในจดหมายที่ระบุว่า ความจริงคือ “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว” นั้น ผู้เสียหายจากที่ตนได้ข้อมูล ได้รับสินค้าไปทั้งหมด ยืนยันว่า ในผู้เสียหายหมื่นกว่าคนไม่มีผู้เสียหายที่เกิดขึ้นจากบริษัทสักคน เนื่องจากข้อมูลที่มีการที่ได้มา มีเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นลูกข่าย ซื้อกินซื้อใช้ 2,500 บาท ส่วนในกลุ่มเป็นดีลเลอร์ 250,000 บาท มีประวัติการซื้อทั้งหมด มีการซื้อสินค้าไปจริง เว้นเสียแต่ว่า ผู้เสียหายที่สั่งสินค้ากับแม่ทีมแล้วไม่ได้รับสินค้า มองว่าเป็นความผิดของแม่ทีม ไม่ใช่บริษัท ซึ่งหากใครไม่ได้สินค้าจากแม่ทีมก็สามารถมาแจ้งตนได้ ตนก็จะดำเนินคดีให้ ส่วนดีลเลอร์ ที่มีการซื้อสินค้าไปแต่ขายไม่ได้ แล้วอ้างว่าตนเองเป็นผู้เสียหาย มองว่าอาจจะไม่ได้มีการประเมินศักยภาพในการขายสินค้าของตนเอง เพราะยังมีคนอื่นที่สามารถขายสินค้าได้เป็นอย่างดีจนมีกำไร
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า จดหมายฉบับต่อไปที่จะมีการเผยแพร่ ซึ่งเป็นฉบับที่ 3 อยู่ในระหว่างการเรียบเรียงเนื้อหา โดยจะสื่อสารเพื่ออธิบายกับสังคม ให้เข้าใจว่า ทำไมคดีนี้ ถึงไม่มีผู้เสียหาย ซึ่งมีจดหมายมากกว่า 5-6 ฉบับ โดยไฮไลต์สำคัญ จะอยู่ที่ฉบับที่ 5 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีการเผยแพร่ให้ครบภายในปีนี้
“ในฐานะที่เป็นทนายความ ได้มีการเข้าไปเยี่ยมลูกความเสมือนเป็นพี่น้องอีกคน ซึ่งบอสพอล น่าเวทนามาก เพราะคนคนหนึ่งถูกขังไว้ ทำให้การต่อสู้คดีลำบาก แม้แต่เอกสารใบเดียวก็ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง”
ซึ่งในวันนี้ผู้ต้องหาทุกคนมีความหวังที่จะชนะคดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลับทำให้เกิดความรู้สึกถดถอย แต่ยืนยันว่าจะสู้คดีอย่างแน่นอน และหวังว่าจะได้ประกันตัวออกมาต่อสู้ ซึ่งในส่วนนี้ อยู่ในดุลพินิจของศาลว่าจะเมตตาเพียงใด ส่วนจะมีการนำเงินไปชดใช้ผู้เสียหายได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่าผู้เสียหายมีการใช้อำนาจทางแพ่งมาเรียกร้องความเสียหายกับทางบริษัทหรือไม่ เพราะมองว่าสามารถเจรจากันได้ แต่ต้องชี้แจงว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีเงินหมุนเวียน เนื่องจากบัญชีถูกอายัด และทำให้พนักงานบางส่วนจ้างออกไปบางส่วนแล้ว
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ