หนึ่งวิทยายุทธ์หลักสูตรเร่งรัด นายกฯ 6 เดือน นิทานเรื่องที่ 12 ในหนังสือปัญจตันตระ เล่มการแตกมิตร (ศักดา วิมลจันทร์ เรียบเรียง สำนักพิมพ์พื้นฐาน พ.ศ.2551)
ชื่อเรื่องเจ้าโดดกับนางดอด
ในห้องบรรทมของพระราชา เป็นที่ตั้งของแท่นบรรทมที่เพียบพร้อมด้วยความสุขสบาย อย่างไม่มีที่ใดเสมอเหมือน มุมหนึ่งของผ้าลาดพระแท่นเป็นที่อาศัยของแม่หมัดชื่อ “นางดอด” กับลูกหลานเหลน และวงศ์วานว่านเครือ
พวกมันอิ่มหนำสำราญด้วยการแอบดื่มพระโลหิตพระราชา ในขณะพระองค์ทรงหลับ
อยู่มาวันหนึ่ง สายลมพัดพาเห็บตัวหนึ่งชื่อ “เจ้าโดด” ปลิวลงมาตกลงบนพระแท่นบรรทม
เจ้าเห็บตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมใหม่ กระโดดสำรวจไปทั่ว ลายปักอันประณีตของผ้าลาด พระเขนยคู่ที่กว้างขวางนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอันแสนหวานอบอวล ไม่ช้านาน…เจ้าเห็บผู้มาใหม่ก็ได้พบเข้ากับเจ้าถิ่นนางดอด
“เจ้าเป็นใคร?” นางดอดถาม “ที่นี่เป็นที่อันสงวนไว้สำหรับพระราชา จงรีบไปเสียให้พ้นๆ”
“คุณหญิงขอรับ” เจ้าโดดยกยอถึงปานนั้น “ข้าพเจ้าเป็นแขกของท่าน สมควรที่ท่านจะต้อนรับตามอัธยาศัย”
นางหมัดชะงัก เจ้าโดดเห็นเข้าทาง ก็ก้มกราบ แล้วหยอดคำหวานต่อ
“เห็บอย่างข้าพเจ้า ลิ้มโลหิตพราหมณ์ นักรบ พ่อค้า ชาวนาแล้ว พบว่ารสชาติล้วนเปรี้ยว หาความอร่อยมิได้
พิจารณาจากสถานที่ของผู้มีบุญวาสนา ซึ่งมีเลือดอันหอมหวาน ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะอนุญาตได้ร่วมลิ้มรสอันวิเศษนี้สักครั้ง”
“ไม่ได้” นางหมัดตวาด
แต่ที่จริงเมื่อเจอคำเรียกคุณหญิง รวมเจอคำออดอ้อนอีกหน่อย นางดอดก็ใจอ่อน แต่ยังทำปากแข็งสำทับ
“เจ้าต้องระมัดระวังไม่ตะกละ ผิดกาลเทศะเป็นอันขาด” อย่างไร เรียกกาลเทศะ เจ้าเห็บถาม
“กาละที่ถูกคือ เวลาที่พระราชาเมาเมรัย เหนื่อยล้า หรือหลับ เทศะที่ถูก เจ้าจะต้องกัดเฉพาะที่เท้า”
แม้ตกปากรับคำขันแข็งมั่นเหมาะกับเพื่อนแปลกหน้า แต่ถึงเวลาจริงๆเจ้าเห็บผู้หิวโหยมานานก็ลืม
วันนั้น เวลาหัวค่ำ พระราชาเพิ่งจะเคลิ้มหลับ เจ้าเห็บก็จู่โจมเข้ากัดข้างหลัง พระราชาผู้มีผิวกายเปราะบาง ทรงรู้สึกราวกับโดนนาบด้วยเหล็กเผาไฟ รุนแรงเท่าการฉกกัดของแมงป่อง
ทรงกระโดดลุกขึ้นเกาพระปฤษฎางค์ พร้อมร้องเรียกเสนา “เฮ้ย โว้ย! ตัวอะไรมากัดข้าเข้าแล้ว”
เสนาถือตะเกียงกรูกันเข้ามา รื้อเตียงหาตัวไอ้วายร้าย เจ้าโดดเพิ่งสำนึกว่าผิดพลาด ผิดทั้งกาละผิดทั้งเทศะกระโดดลงในซอกหลืบฟูกบรรทม แสงตะเกียงหลายดวงส่องสว่างราวกับกลางวัน
พวกเสนาช่วยกันค้นอย่างละเอียด พักใหญ่ เจ้าโดดเห็บวายร้าย ก็ถูกเจอตัว
ถึงเวลานั้น แม่หมัดก็นึกถึงคำที่มันตกปาก สอนเจ้าเห็บโดด สำนวนกลอน ศักดา วิมลจันทร์…คนไม่รู้จักการประมาณตน ไม่แยกแยะผู้คนว่าดีชั่ว ไม่รู้กิจรู้การพาลเมามัว จะทำคุณแก่ตัวได้อย่างไร
และนึกไปถึงคำรับปากเจ้าหมัดเรื่องกาลเทศะ แต่ทุกอย่าง ตรงหน้าก็สายเกินไปแล้ว
เป็นเคราะห์ร้ายของนางดอด แม่หมัดและวงศ์วานว่านเครือ ที่ถูกฆ่าตายพร้อมๆกันไปในคราวนั้น
นิทานเรื่องเจ้าโดดกับนางดอดจบลงตรงนี้ครับ มองในแง่คำสอน ถ้าสอนคนรุ่นเดียวกัน ก็คืออย่าไว้ใจเพื่อนแปลกหน้า…ที่อาจพาเภทภัยมาให้ แต่ถ้าเป็นคำสอนผู้นำ ก็คงเรื่องบริวารใกล้ตัว
ลองตั้งหลักหันหลังเหลียวซ้ายแลขวา…ที่มะรุมมะตุ้ม
ตามหลังกันคุ้นหน้า มีเจ้าโดดกับนางดอดบ้างหรือไม่?
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ