กลุ่มนักท่องเที่ยวภูกระดึง ไม่กังวลหลังเกิดเหตุช้างป่าทำร้ายคน ดับ 1 ราย ชี้ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และแจ้งเจ้าหน้าที่หากพบช้างป่า

จากกรณีที่ เมื่อเช้าวันที่ 11 ธันวาคม 67 มีนักท่องเที่ยวเพศหญิงถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนรอดปลอดภัย แล้วมีการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปนำร่างผู้เสียชีวิต กลับมาส่งชันสูตรพลิกศพที่ รพ.ภูกระดึง จากนั้นนำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด โดยมีนายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ร่วมไปส่งศพถึงที่บ้าน จ.ฉะเชิงเทราเมื่อค่ำวานนี้ ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมา เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 67 ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้า ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง พบว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 400 คน เดินทางมาพิชิตภูกระดึง รวมนักท่องเที่ยวที่ค้างอยู่ยอดภูกระดึง อีกประมาณ 800-1,000 คน รวมแล้ว 1,400 คน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวทราบข่าวผู้เสียชีวิตที่ถูกช้างทำร้ายจนเสียชีวิต ขอแสดงความเสียใจ และให้ทำตามกฎของทางอุทยานฯ

สอบถาม นายไพรัตน์ ใจบุญ อายุ 47 ปี ซึ่งมาจากดอนเมือง พร้อมเพื่อน 8 คน เปิดเผยว่า ทราบข่าวเรื่องนักท่องเที่ยวแล้ว ไม่รู้สึกวิตกกังวล แต่ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ของนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ปกติการท่องเที่ยวป่าเขาเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ต้องมาเจอสิงสาราสัตว์ ก็อยากให้นักท่องเที่ยวที่เที่ยวอุทยานฯ ทุกแห่ง ให้ตามกฎระเบียบที่มีอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเราและนักท่องเที่ยว

ด้าน นางสาวสุภาพร สายเสริมศักดิ์ อายุ 40 ปี มากับเพื่อน 9 คน มาจากกรุงเทพฯ เผยว่า เรื่องความวิตกกังวลก็ไม่เท่าไหร่ ให้ทำตามกฎของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่ให้ไปทางไหนก็ไม่ไป ถ้าเจอช้าง หรือสัตว์ป่าให้ออกห่างไม่เข้าใกล้ ถอยห่างให้มากที่สุด และแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทันที

เจ้าหน้าที่เปิดเผยอีกว่า สำหรับที่เกิดเหตุมีช้างป่าอยู่ 5-6 โขลง แต่ละโขลงมี 5-10 ตัว ส่วนช้างที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวยังไม่ทราบเพศ คาดว่าอายุประมาณ 15-20 ปี เป็นช้างที่หลุดออกมาจากฝูงหากินอยู่ตัวเดียว ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยว เมื่อเจอช้างหรือสัตว์ป่า ให้ถอยห่างหลีกเลี่ยงออกมาทันที อย่าส่งเสียงดังรบกวนช้างหรือไล่ช้าง เพราะอาจทำให้ช้างโกรธ และตรงเข้ามาหาเราได้ งดการใช้แฟลชถ่ายรูป เพราะอาจทำให้ช้างตกใจ และตรงเข้ามาทำร้ายได้