“ทนายวิฑูรย์” ยอมรับกังวลดีเอสไอ ตัดจบยุติสอบปากคำพยานคดี “ดิไอคอน” ที่เตรียมไว้กว่า 2,000 ราย 3 ธ.ค.นี้ เตรียมยื่นขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ ส่วนสภาพจิตใจของบรรดาบอสไม่ได้แย่ ไม่ได้ท้อ ต้องกัดฟันสู้เพื่ออิสรภาพ
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาชาย 11 ราย ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 (แชร์ลูกโซ่) และความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2547 ว่า วันนี้ได้ให้ปากคำแบบปฏิเสธไปก่อน แล้วค่อยส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลังแทน แต่ตอนนี้สิ่งที่กังวลที่สุด คือ ดีเอสไอจะยุติการสอบสวนในวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อจะสรุปสำนวนส่งอัยการ แต่ดีเอสไอจะส่งสำนวนวันไหนตนยังไม่ทราบ แต่ลักษณะเหมือนเป็นการตัดที่ 3 ธ.ค.นี้ ดังนั้น ในส่วนของพยานที่เราเตรียมไว้ 2,000 กว่าราย เบื้องต้นจึงต้องให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 ธ.ค. เช่นกัน
ทางดีเอสไอจึงให้ตัวร่างบันทึกมา 1 ฉบับ เพื่อให้ตนนำไปให้บรรดาพยานกรอกรายละเอียด ซึ่งถามว่าโอเคหรือไม่ ก็คงไม่โอเค เพราะบันทึกที่ดีเอสไอทำไว้ให้มันค่อนข้างจำกัด ตนก็ต้องมานั่งปรับใหม่ให้มันเป็นกลางๆ คราวนี้ตัวแทนของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ที่ยังคงขายของได้อยู่นั้น เขาก็อยากให้การในความเป็นจริงทั้งหมด เช่น พฤติการณ์ในคดี ทางตัวแทนและเราก็อยากจะอธิบาย แต่พอตัดจบแค่ 3 ธ.ค. ตนมั่นใจเลยว่าพยานกว่า 2,000 คนคงไม่ได้สอบปากคำเข้าสำนวนทุกคน พูดง่าย ๆ คือดีเอสไอพยายามตัดพยาน รวบรัดพยาน ซึ่งเราก็บอกว่ามันทำให้เราสู้คดีได้ไม่เต็มที่ มันไม่เป็นธรรมกับเรา
กรณีที่เกิดขึ้นตนไม่โทษดีเอสไอ เราเข้าใจ เพราะเกมนี้ดีเอสไอไม่ใช่คนเริ่ม แต่คนเริ่มคือตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจกองบังคับการปราบปราม ที่มาจับ 18 บอสเข้าเรือนจำฯ และคัดค้านการประกันตัว ทำให้กรอบระยะเวลาการสอบสวนแรกเริ่มจึงเหลืออยู่ที่ 48 วัน แล้วพอดีเอสไอรับโอนสำนวนไปทำ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้น จึงขยายออกไปได้เป็น 84 วัน แต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับคดีที่มีความซับซ้อน กลายเป็นสิทธิ์การต่อสู้คดีของผู้ต้องหาตอนนี้แทบไม่มีเลย
อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอก็ได้บอกว่าการที่คุณเอาพยานเข้ามาเยอะ ๆ เป็นการประวิงเวลาหรือไม่ ตนก็บอกว่ามันคือชีวิตคนทั้ง 18 คน เราควรมีพยานได้มายืนยันความบริสุทธิ์หรือไม่ จึงมีการเถียงกัน เพราะฝั่งผู้กล่าวหาก็มีการเปิดให้มีการแจ้งความ สอบสวนทั่วประเทศ แต่พอฝั่งผู้ต้องหาเหลือเพียงหน่วยงานเดียว คือ ดีเอสไอ แล้วก็ยังจะตัดจบในวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งมันไม่เป็นธรรม แต่ตนก็เข้าใจ ฉะนั้นขั้นตอนถัดไป ตนคงจะไปร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการแทน
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า สำหรับพยานกว่า 2,000 คน ในเวลาไม่กี่วันที่ตนอยากให้ดีเอสไอสอบสวนเข้าสำนวนก่อนถึงวันที่ 3 ธ.ค. ตนได้เสนอให้ดีเอสไอว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ตนจะพาพยานมาให้สอบสวนวันละ 200 คน ซึ่งทางดีเอสไอก็บอกว่า ให้ไปทำบันทึกมาก่อน ว่าจะให้ดีเอสไอสอบประเด็นใดบ้าง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้พยานแต่ละรายเขียนกลับมาทัน อุปสรรคมันก็เยอะจริง ๆ แต่มั่นใจว่าภายในวันสองวัน เอกสารที่จะส่งให้ตัวแทนแต่ละคนเขียนบันทึกข้อเท็จจริงส่งกลับมายืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา น่าจะได้ครบหรือได้มากที่สุด เพื่อส่งให้ดีเอสไอก่อนล็อตแรก
ทั้งนี้ ตนต้องเรียนว่าพยานทั้ง 2,000 ราย แต่ละรายพูดไม่เหมือนกัน บางคนเป็นตัวแทนระดับหนึ่ง บางคนเป็นตัวแทนเฉพาะแค่การเปิดบิล 25,000 บางคนเป็นตัวแทนขายสินค้าขายปลีก ขายส่ง ขายออนไลน์ ทำให้มีความแตกต่างกันไป จึงมองว่าดีเอสไอควรสอบให้ครบทุกคน เพราะในชั้นศาลจะไม่มีการตัดพยานอยู่แล้ว ดังนั้น ตนก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด ในสัปดาห์หน้า ดีเอสไออาจจะได้สอบพยานของดิไอคอนฯ 100 รายแรกหรือไม่ และจะสอบทันหรือไม่ ตนไม่แน่ใจ เพราะ 1 คนก็ใช้เวลาสอบพอสมควร อาจต้องมีการคัดกรอง แล้วตนคงใช้ขั้นตอนร้องขอความเป็นธรรมในชั้นพนักงานอัยการแทน
ทั้งนี้ ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม แต่ความยุติธรรมที่ปิดปากผู้ต้องหาก็คือความไม่ยุติธรรมเช่นกัน ย้ำว่าคนที่เริ่มเกมนี้คือตำรวจไม่ใช่ดีเอสไอ ทำให้ดีเอสไอทำงานยากใน 84 วัน จนเราเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม การจะขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ตนไม่ได้ประวิงเวลา ตนเป็นทนายความก็ต้องเต็มที่ ต้องเอาพยานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา สิทธิการต่อสู้คดีที่เป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่ควรมี แต่เรากลับกำลังไม่ได้รับสิทธิ์นั้น
และวันนี้ทางบรรดา 11 บอสชายยังไม่ได้มีการให้ปากคำหรือชี้แจงเอกสารใดกับดีเอสไอ เนื่องจากเอกสารอยู่ภายนอกมีจำนวนมาก และภายในห้องสอบสวนของเรือนจำฯ ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการที่จะแสดงเอกสารใดให้พนักงานสอบสวนดู เพราะมันต้องแปะกระดาษผ่านกระจก อย่างไรก็ตามบรรดาผู้ต้องหาไม่เสียกำลังใจ เพราะอย่างไรเมื่อพนักงานสอบสวนส่งฟ้องต่ออัยการก็จะต้องไปสู้คดีในชั้นศาลอยู่ดี เพียงแค่รู้สึกเซ็งว่าไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้กับประเทศที่มีขื่อมีแป ส่วนสภาพจิตใจของบรรดาบอสไม่ได้แย่ มันก็ต้องกัดฟันสู้มัวแต่จิตตกไม่ได้ แล้วก็ไม่ท้อ ต้องสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อตัวแทน เพื่อคนในอุตสาหกรรมตลาดแบบตรง และเพื่อความเป็นธรรมของตัวเองด้วย ทั้งนี้ ตนจะยังไม่แจ้ง ม.157 กับดีเอสไอ เพราะตนเข้าใจสถานการณ์ดี
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ