ทนาย “เจ๊อ้อย หมื่นล้าน” คู่กรณี “ทนายตั้ม” เผยลูกความถึงเมืองไทยแล้วรอประสานมาว่าจะเข้าพบกองปราบฯวันไหน ส่วนกรณีโอนคดีจากปากช่องมาสอบสวนกลางเป็นความประสงค์ลูกความ เพราะกลัวตำรวจท้องที่เครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อม ยันสัญญาร่วมทำธุรกิจโปรแกรมสลากออนไลน์มีจริง รวมทั้งมีหลักฐานเอาผิดได้แน่นอน ขณะที่กองปราบฯเตรียมประสานสรรพากรตรวจสอบข้อมูลการชำระภาษีจากยอดเงิน 71 ล้าน รวมทั้งถอดเทปทนายตั้มให้สัมภาษณ์พิธีกรรายการหนึ่งมาพิจารณา เหตุตอบคำถามไม่ตรงกับข้อมูลผู้เสียหาย
ภายหลัง น.ส.จตุพร หรืออ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยพักอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสมอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย.67 ให้ดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนข้อหาฉ้อโกง หลังถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อ้างว่าได้รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มาจำหน่ายหวยออนไลน์ ต้องมีแอปพลิเคชันและรายละเอียดต่างๆ เช่น โปรแกรมและผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์ ผู้เสียหายตอบตกลงพร้อมโอนเงินให้ 2 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทย 71 ล้านบาทให้ทนายตั้ม แต่หลังจ่ายเงินไปแล้วได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรม ทนายตั้มกลับอ้างว่ายังทำไม่เสร็จ ก่อนที่ผู้เสียหายยกเลิกสัญญาจ้าง บ.ษิทธา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมายเมื่อวันที่ 25 ม.ค.67 กระทั่งวันที่ 1 ก.ย. ครบกำหนดส่งมอบงานตามสัญญา ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา มอบอำนาจให้ทนายความติดตามทวงเงิน 71 ล้านบาทพร้อมแจ้งความดังกล่าว ล่าสุด ตร.มีคำสั่งโอนสำนวนคดีนี้ให้ตำรวจ บช.ก.ดำเนินการต่อ พร้อมๆกับเศรษฐินีเจ้าของเงินเดินทางกลับไทยเพื่อเคลียร์คดี แต่ยังเก็บตัวเงียบไม่พบใคร ด้านทนายตั้มแจงเงินให้ด้วยเสน่หาเตรียมเข้าพบตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) รับโอนคดีทนายคนดังถูกกล่าวหาฉ้อโกง 71 ล้านบาท เมื่อเช้าวันที่ 26 ต.ค. พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3.บก.ป. เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง ได้โอนสำนวนมาให้กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ดำเนินการแล้วนั้น ขั้นตอนขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำแล้ว อยู่ระหว่างประสานว่าจะสะดวกมาให้ปากคำได้วันไหน ส่วนถ้าผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพื่อเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา จะต้องมาดูสำนวนและหลักฐานต่างๆให้เรียบร้อยก่อน เพราะต้องทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ต่อมาเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ น.ส.จตุพร หรืออ้อย อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวเศรษฐินีหมื่นล้านที่แจ้งจับทนายดังคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท โดยทนายสมชาติเปิดเผยว่า วันนี้ผู้เสียหายจะยังไม่ไปที่กองปราบฯ ส่วนจะมาในวันที่ 27 ต.ค. หรือไม่นั้นยังไม่ทราบต้องรอลูกความประสานมาอีกครั้ง ส่วนเรื่องการโอนคดีมาที่ทางกองปราบฯ เป็นความประสงค์ของ น.ส.จตุพร อาจมองว่าตำรวจในพื้นที่อาจมีเครื่องมือต่างๆไม่พร้อมกลัวจะทำคดีล่าช้า เพราะคู่กรณีเป็นทนายความชื่อดัง กระบวนการต่างๆน่าจะใช้เวลานานตัดสินใจขอโอนมาให้กองปราบฯทำคดีนี้
เมื่อถามว่า ทนายคนดังหรือคู่กรณีได้ติดต่อสอบถามหรือเจรจาหรือไม่ ทนายสมชาติกล่าวว่า ยังไม่มีใครติดต่อผ่านตนมา ส่วนจะติดต่อไปหาเลขา น.ส.จตุพรหรือไม่ ยืนยันว่าถ้าเป็นส่วนของรูปคดีจะต้องติดต่อผ่านตนเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 71 ล้านบาท ที่ทนายคนดังอ้างว่า น.ส.จตุพรมอบให้มาด้วยความเสน่หานั้น ทนายสมชาติเผยว่า ตอบได้เเค่ว่าเป็นไปตามหลักฐานที่แจ้งความไว้ ส่วนจะเป็นอย่างไรก็เป็นการต่อสู้ของเขา ตนและลูกความจะยึดตามหลักฐานเอกสารที่มี ส่วนเอกสารการทำสัญญาร่วมทำธุรกิจโปรแกรมสลากออนไลน์ มีจริงเเน่นอน มีการลงนามโดยผู้เสียหายคือ น.ส.จตุพร และคู่สัญญา แต่ไม่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในสัญญาและมีชื่อบุคคลใกล้ชิดที่มาเซ็นชื่อเป็นพยาน ยืนยันว่าเอกสารฉบับนี้ มีผลทางกฎหมายและเป็นหลักฐานในคดีนี้ได้อย่างแน่นอน เมื่อถามถึงการเซ็นสัญญาในวันทำโปรแกรมสลากออนไลน์ มีการบันทึกภาพหรือหลักฐานไว้หรือไม่ ทนายสมชาติกล่าวว่า มีแต่ใบเปย์อินที่เป็นหลักฐานทางธนาคารหรือหลักฐานการโอนเงินที่ปรากฏอยู่ตามสื่อในตอนนี้ รวมทั้งในขณะนี้ตัวของ น.ส.จตุพรและสามี ได้เดินทางมาถึงที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้วด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในสังคมโซเชียลมีเดียมีการแชร์สำเนาใบรับโอนเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาโลตัสปากช่อง มีการทำธุรกรรมวันที่ 16/2/2023 เวลา 11.13 น. โดยผู้เสียหายทำธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีของตน เลขที่ 79510xxxxx โดยหักบัญชีไปยังบัญชีของทนายความ เลขที่ 79511xxxxx เป็นบัญชีธนาคารแห่งเดียวกันสาขาเดียวกันตรงกับผู้เสียหายซึ่งโอนเงินเข้าบัญชีจำนวนเงิน 71,067,764.70 บาท
รายงานข่าวระบุด้วยว่า การโอนเงินจำนวนดังกล่าวกองปราบปรามเตรียมประสานกรมสรรพากร ให้ร่วมตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการชำระภาษี รวมถึงการให้สัมภาษณ์กับพิธีกร 2 รายการของทนายความที่ถูกกล่าวหา อาจถูกนำมาถอดเทปเป็นการรวบรวมข้อมูลการสืบสวนสอบสวน และอาจพิจารณานำเข้าสู่สำนวนการสอบสวน เพราะการตอบคำถามกับพิธีกร ค่อนข้างไม่ตรงกับข้อมูลของผู้เสียหาย
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ