
ร่างเหยื่ออดีต อส. รัวปืนในร้านข้าวต้ม ถูกตั้งในวัด ที่พัทลุง บ้านเกิด ตายายสงสารหลาน สูญเสียพ่อแม่ แถมเห็นเหตุการณ์กับตา
จากกรณี นายอัครพณธ์ ภามจำนง อายุ 50 ปี อดีต อส.หาดใหญ่ โมโหเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้ม เก็บโต๊ะทั้งที่ยังกินไม่เสร็จ กระหน่ำยิงคนในร้าน เป็นเหตุให้ นายสิทธิพงศ์ ศิริพันธ์ อายุ 48 ปี และ น.ส.อรชอน เอียดคำ อายุ 45 ปี พ่อแม่ซึ่งพาลูกมาฉลองวันเกิด เคราะห์ร้ายถูกกระสุนเสียชีวิต หลังก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ซึ่งเมื่อช่วงเย็น วานนี้ (24 ธ.ค. 67) ญาติได้เตรียมรอรับศพนายสิทธิพงศ์ และ น.ส.อรชอน คู่สามีภรรยา มาประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดป่าบอนต่ำ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดยญาติได้นำหีบศพมาวางเรียงคู่กันเพื่อรอรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดบ้านเกิดดังกล่าว
ขณะที่ นางสำเริง หนูยัง อายุ 78 ปี แม่ของ น.ส.อรชอน เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกินจะประณาม คนที่ไม่รู้จักกัน และไม่เคยบาดหมางกัน ทำแบบนี้มันเกินมนุษย์ หลังจากนี้ก็เป็นห่วงหลานทั้ง 2 คน คนโตคงต้องรอให้เรียนจบ ม.3 ก่อนที่จะย้ายกลับมาที่พัทลุง โดยให้น้าสาวเป็นผู้ดูแล ส่วนคนเล็กแม่นำกลับมาเลี้ยงเองที่พัทลุง สงสารเขา สงสารลูกที่จากไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ด้าน นายสมเกียติ เอียดดำ อายุ 71 ปี พ่อของ น.ส.อรชอน กล่าวว่า ลูกเราที่เสียชีวิต ไม่ได้สร้างความชั่ว ไม่ได้สร้างความผิด ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับคนก่อเหตุ อยากให้ตำรวจใช้กฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด มันเจ็บในใจจนพูดอะไรไม่ออก ฆ่าคนคนเดียวไม่เท่าไร อันนี้ยิงทั้งคู่เลย มันแค้นใจตรงที่หลานทั้ง 2 คน อยู่ในเหตุการณ์อีก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบนี้
จากนั้นเวลา 19.00 น. ศพของทั้งคู่ได้มาถึงที่วัดป่าบอนต่ำ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้า ก่อนที่จะมีพิธีรดน้ำศพ เพื่อประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป
ด้าน สถาพร เพชรมณี อายุ 35 ปี อดีตลูกน้องของครอบครัวผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ทั้งสองเป็นครอบครัวที่อบอุ่น คอยช่วยเหลือสังคม และให้ชีวิตใหม่กับลูกน้องทุกคนที่เดินมาทำงานกับแก อย่างผมมาอยู่กับแกตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนแม่เสียชีวิต แกสอนความรู้เกี่ยวกับการซ่อมรถให้ทุกอย่าง กระทั่งเติบโตออกมาประกอบอาชีพเป็นของตัวเอง ใจหายเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ สงสารน้องที่รอดชีวิต อย่างน้องแชมป์ คงจะจำฝังตลอดชีวิต ซึ่งแม้จะมีการเยียวยา แต่ไม่สามารถลบ หรือคืนชีวิตให้คนในครอบครัวได้ จริงๆ อยากให้โดนโทษประหารชีวิต

ต่อมา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เดินทางมาเป็นประธาน ในพิธีรดน้ำศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พร้อมเผยว่า สำหรับตัวของผู้ก่อเหตุยืนยันว่า เป็นอาสาสมัครรักษาดินแดนจริง โดยสังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของการพกพาอาวุธปืนนั้น มีกฎข้อบังคับอยู่ชัดเจนว่า สามารถที่จะพกพาได้เฉพาะใช้ในภารกิจเท่านั้น ซึ่งก่อนเกิดเหตุทางผู้ก่อเหตุจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในส่วนใดหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง สำหรับการที่พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่และนำไปก่อเหตุสะเทือนขวัญในลักษณะดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง
เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือ นายอำเภอหาดใหญ่ ได้สั่งให้ออกจากราชการแล้ว และสำหรับตัวผู้ก่อเหตุเองขณะนี้ก็ถือว่าอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ตนในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้คำยืนยันกับญาติของผู้เสียชีวิตว่าจะไม่มีการแทรกแซงคดี ทำผิดอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งหลังจากนี้ทางจังหวัดจะต้องมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการพกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ อส. เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจ หรือไม่มีภารกิจเพื่อที่จะป้องกัน ไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ อส.รายอื่นใช้อาวุธปืนที่ทางราชการอนุญาตไปก่อเหตุ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทางจังหวัดสงขลาได้มีการหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วนในการที่จะหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ