กาลครั้งหนึ่ง ผัวเมียคู่หนึ่งมีลูกชายสามคน คนเล็กฉลาดน้อยกว่าพี่ ไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ ตั้งแต่เล็กจนโต จึงถูกเรียกว่า“ตาทึ่ม” (นิทานกริมม์ ยาค็อบและวิลเฮล์ม กริมม์ เขียน อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ต้นอ้อ 1999 พิมพ์ พ.ศ.2543)

วันหนึ่ง ลูกชายคนโตเข้าป่าตัดฟืน พ่อแม่ให้ขนมอร่อย เหล้าองุ่นเป็นเสบียง เมื่อเขาเดินเข้าป่าลึก เจอชายแก่ร่างเตี้ยผมสีเทาเข้ามาพูดว่า “ขอแบ่งขนมเหล้าองุ่นสักนิดเถิดหลาน” “อย่ามาเกะกะทางฉัน” เขาไม่แยแส

เมื่อชายหนุ่มเริ่มฟันไม้ ครู่หนึ่งเขาฟันพลาด คมขวานเฉือนเข้าแขนซ้าย เขาจึงต้องกลับบ้านมือเปล่า

วันรุ่งขึ้นลูกชายคนกลาง ก็รับช่วงงานถือขวานเข้าป่า เจอเฒ่าเตี้ยขอแบ่งอาหาร เขาว่า แบ่งอาหารให้คนอื่น อาหารฉันก็น้อย เมื่อเริ่มฟันต้นไม้ ขวานก็พลาดถูกขาแผลเหวอะหวะ สองพี่น้องไม่รู้ว่า
นั่นไม่ใช่เหตุบังเอิญ

วันนั้นคิวของตาทึ่ม…ในสถานการณ์เฒ่าเตี้ยเอ่ยปากขอ ตาทึ่มก็บอกตรงๆ เป็นลูกที่พ่อแม่ไม่รัก มีขนมสุกๆดิบๆอบจากขี้เถ้า เหล้าองุ่นก็เปรี้ยว แต่ “ถ้าลุงไม่รังเกียจ เรามานั่งกินด้วยกัน”

อัศจรรย์ ขนมเหล้าเปลี่ยนเป็นรสดี กินดื่มรื่นคอ พออิ่มหนำเฒ่าก็พาตาทึ่มไปที่ต้นไม้ใหญ่…กระซิบ “คอยดูบางอย่างที่โคนต้น” แล้วก็หายตัวไป ตาทึ่มเริ่มฟันต้นไม้ จนมันโค่น เป็นดังที่เฒ่าเตี้ยว่า

เขาเจอห่านขนสีทองตัวหนึ่ง รีบคว้าขึ้นอุ้ม ระหว่างทางเขาแวะพักที่โรงแรม เจ้าของโรงแรมมีลูกสามคน เธอเหมือนทุกคน เห็นห่านขนทองคำ ก็อยากได้ เอื้อมมือไปถอนขนห่าน มือก็ติดกับตัวห่าน สะบัดไม่หลุด

ลูกสาวเจ้าของโรงแรมคนที่สองคนที่สามตามเข้าไป มือก็ติดตัวห่าน คืนนั้นสามสาวจึงต้องนอนอยู่กับห่าน รุ่งเช้าตาทึ่มตื่นคว้าห่านหนีบรักแร้เดินทางต่อ สามสาวก็ต้องเดินตามต้อยๆ

บาทหลวงคนหนึ่งเดินสวนมา เห็นสามสาวตามชายหนุ่ม ก็ตำหนิ “สาวๆพวกนี้ไม่มียางอาย” แล้วก็ยื่นมือไปดึงน้องสาวคนเล็ก เคราะห์ร้าย มือบาทหลวงติดตัวห่านเป็นคนที่สี่

ผู้ดูแลโบสถ์เดินตามหลัง เห็นดังนั้นร้องเตือน “ท่านจะไปไหน วันนี้ท่านมีนัดทำพิธีตั้งชื่อเด็กคนหนึ่ง” แล้วเขาก็ยื่นมือมาถึงชายเสื้อบาทหลวง คนดูแลโบสถ์กลายเป็นผู้ร่วมขบวนคนที่ห้า

ตาทึ่มเดินจ้ำเอาๆไปข้างหน้า ชาวนาสองคนถือจอบผ่านมา บาทหลวงขอให้ช่วย สองชาวนาจึงเพิ่มจำนวนผู้ร่วมขบวนห่านทองคำเป็นเจ็ด

และแล้วขบวนตาทึ่มก็มาถึงนครใหญ่ พระราชามีลูกสาวสวย แต่มีปัญหาตั้งแต่เกิดมายิ้มไม่เป็น พระราชาป่าวร้องให้ชายใดก็ได้มาช่วยให้เจ้าหญิงหัวเราะได้ จะยกหล่อนให้แต่งงาน

ถึงคิวตาทึ่ม…ทันทีที่เจ้าหญิงเห็น ตาทึ่มอุ้มห่าน มีคนติดมาด้วยเจ็ด เธอก็หัวเราะงอหาย…

แต่รูปลักษณ์ตาทึ่มไม่ถูกใจพระราชา ที่ให้เงื่อนไขจะให้ลูกเขย ก็หาเรื่องเกี่ยง…ให้พาใครมาดื่มเหล้าองุ่นเจ็ดสิบถังในห้องใต้ดินของพระราชา หมดในวันเดียว

เฒ่าเตี้ยเจ้าเก่ามาช่วย ไม่ถึงชั่วโมงเฒ่าดื่มเหล้าทุกถังเกลี้ยง พระราชาก็ยังหาเรื่องใหม่ ให้ตาทึ่มไปหาคนกินขนมปังกองเท่าภูเขา เฒ่าเตี้ยก็มากินจนหมด แต่กระนั้นสัญญาแต่งงานก็ยังถูกบ่ายเบี่ยงเป็นครั้งที่สาม

เงื่อนไขใหม่ ตาทึ่มต้องหาเรือใบที่แล่นบนบกเร็วเท่าในทะเลมาให้ เมื่อเรือใบที่แล่นบนบกมาตรงหน้า พระราชาหมดมุก ที่จะหาเรื่องใหม่ จึงยอมให้ตาทึ่มแต่งงานกับเจ้าหญิง

ก่อนเฒ่าเตี้ยลาจาก แกบอกตาทึ่ม “ทั้งหมดที่ลุงช่วยหลาน เพราะหลานเป็นคนมีเมตตากรุณา”

เพราะอานิสงส์ความเมตตากรุณา ต่อมาพระราชาแก่ตาย พระราชบุตรเขยก็ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ โดยไม่ต้องซื้อเสียง หรือฆ่าศัตรูทางการเมืองให้เหนื่อยแรงเหมือนในบางบ้านเมืองแต่ประการใด

สะสมบ่มเพาะความเมตตากรุณา แจกเงิน ปลดหนี้ น้ำท่วมก็ลุยน้ำช่วย ฝนแล้งก็ไปให้เห็นหน้า ฯลฯ ให้มากๆเข้าไว้…ไม่นานไม่ช้า “ตัวสำรอง” ไม่ว่าตาทึ่มยายทึ่ม ก็จะเป็น “ตัวจริง” เต็มตัว.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม