ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจกับจิตอาสาเร่งจัดเตรียมสถานที่รองรับงานพระราชทานเพลิงศพครู-นักเรียนรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ คปภ.มอบเงินสินไหมทดแทนให้ครอบครัวเหยื่อทั้ง 23 ราย รวมเงินกว่า 27.8 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของชินบุตรทัวร์เข้าร่วมงานศพ มอบเงินช่วยเบื้องต้นให้อีกรายละ 5 หมื่นบาท ด้าน ป.ป.ช.ส่งทีมงานลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ขอข้อมูลการจดทะเบียนรถคันเกิดเหตุสลด ลั่นหากมีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตฟันไม่เลี้ยงแน่ ส่วนการตรวจสอบสภาพรถบัสของบริษัทที่เหลืออีก 5คัน ตรวจไม่ผ่าน 2 คัน อีก 3 คัน กำลังดำเนินการ

ยังต้องติดตามต่อเนื่องกับโศกนาฏกรรมสะเทือนใจ รถบัสโดยสารสาธารณะของบริษัท ชินบุตรทัวร์ ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี เกิดไฟไหม้ขณะนำนักเรียน ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษา ย่างสดนักเรียนชั้น ป.1-ม.3 และครู 3 ราย เสียชีวิตรวม 23 ศพ และไฟลวกนักเรียนเจ็บสาหัส 3 ราย เหตุเกิดบนถนนวิภาวดีรังสิตฯขาเข้า กทม. หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พนักงานสอบสวน สภ.คูคต แจ้ง 4 ข้อหากับนายสมาน จันทร์พุฒ อายุ 48 ปี คนขับรถบัส นำตัวฝากขังศาลธัญบุรี และไม่ได้ประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำธัญบุรี ก่อนแจ้งข้อหากับนางปาณิสรา ชินบุตร ผู้ครอบครองรถบัส ด้านตำรวจพิสูจน์หลักฐานเผยผลตรวจซากบัสมรณะ พบสาเหตุเกิดจากแก๊ส NGV รั่วไหลจากถังก๊าซเชื้อเพลิง CNG ที่ติดตั้งไว้ 11 ถัง ขณะที่กรมการขนส่งทางบกสั่งเด้ง 2 นายช่างตรวจสภาพรถ ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมอายัดรถบัสอีก 5 คันของบริษัท ชินบุตรทัวร์ไปตรวจสอบ

เช้าวันที่ 4 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่อาคารอเนกประสงค์ ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี สถานที่จัดงานบำเพ็ญ กุศลศพเหยื่อรถบัสมรณะทั้ง 23 ศพ เป็นวันที่ 2 ครอบครัวยังคงนำอาหาร ขนม ของเล่น มาวางไว้ให้บุตรหลานบนโลงศพเช่นทุกวัน และมีชาวบ้านพร้อมหน่วยงานจิตอาสา มาช่วยกันจัดเตรียมงานและสถานที่ นำเครื่องจักรไปช่วยปรับปรุงพื้นที่ติดตั้งเมรุชั่วคราวในงานพระราชทานเพลิงศพที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกันมีผู้นำอาหารน้ำดื่ม ใส่รถบรรทุกมามอบให้ถึงโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี เผยว่า ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนเตาไฟฟ้าไร้มลพิษจำนวน 5 เตา ที่จะใช้ในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ คาดว่า การเผาร่างผู้เสียชีวิตจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อ 1 ร่าง และจะเผาร่างเสร็จสิ้นทั้ง 23 ร่าง ในเวลา 2-3 ชั่วโมง ได้จัดเตรียมพื้นที่สนามของโรงเรียน เป็นสถานที่ประกอบพิธี แต่เนื่องจากพื้นที่จัดงานมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้บริเวณสนามของโรงเรียนมีน้ำท่วมขัง ได้ประสานโรงโม่หินใน จ.อุทัยธานี ให้นำหินคลุกจำนวนมากมาปรับหน้าดินบริเวณสนามของโรงเรียน คาดว่า จะเรียบร้อยภายใน 1-2 วันนี้

ต่อมานายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา เดินทางมาเคารพศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมให้กำลังใจครอบครัวของนักเรียนและครูผู้เสียชีวิต ก่อนกล่าวว่า ได้ย้ำถึงความสำคัญของการทัศนศึกษาของนักเรียน เห็นว่าการทัศนศึกษาเป็นประโยชน์ไม่ควรยกเลิก แต่ต้องจัดระบบให้เหมาะสม ทั้งในเรื่องระยะทาง อายุของนักเรียน และที่สำคัญคือคุณภาพของยานพาหนะ เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงในสภาอยู่แล้ว และตนได้ให้ข้อสังเกตไว้ ความรุนแรงของเหตุการณ์นี้ ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย และอาจจะในระดับโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 23 ศพ หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นข้อเตือนใจให้ทุกฝ่ายระมัดระวังมากขึ้น

เวลา 13.00 น. นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสิรมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. พร้อมผู้บริหาร คปภ. เดินทางมาที่ ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม เพื่อเป็นประธานในการมอบสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวและทายาท ของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุ คปภ.ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ.จังหวัดอุทัยธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พบว่า รถบัสโดยสารคันเกิดเหตุ และโรงเรียนต้นสังกัด ได้ทำประกันภัยไว้กับ 2 บริษัท คือ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท ประกันภัยอุบัติเหตุ กลุ่มนักเรียน (PA) เสียชีวิตรายละ 80,000 บาท ประกันภัยความรับผิดของสถานศึกษารายละ 80,000 บาท รวม บมจ.วิริยะฯ จ่ายรายละ 660,000 บาท

ส่วนบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3) รายละ 500,000 บาท ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ร.ย.01) รายละ 50,000 บาท รวม บมจ.มิตรแท้ฯ จ่ายรายละ 550,000 บาท รวมเงินประกันที่ทั้ง 2 บริษัทต้องจ่ายให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรวมรายละ 1,210,000 บาท จำนวน 23 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 27,830,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทอื่นและจ่ายสินไหมเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เมื่อหัวค่ำวันที่ 3 ต.ค. นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของบริษัท ชินบุตรทัวร์ ได้เดินทาง มาร่วมเคารพศพ พร้อมมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 50,000 บาทด้วย

ความคืบหน้าของการตรวจสภาพรถบัสโดยสารสาธารณะของบริษัท ชินบุตรทัวร์ ที่เหลืออีก 5 คัน หลังขนส่ง จ.สิงห์บุรี นัดให้นำรถทั้งหมดมาตรวจสภาพการติดตั้งแก๊สเอ็นจีวี เมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่เจ้าของกลับนำรถบัสทั้ง 5 คันไปจอดไว้ในอู่กังการช่าง ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อถอดถังก๊าซ CNG ออก ก่อนจะถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ขนส่ง จ.นครราชสีมา เข้าระงับได้ทันก่อนรื้อถังก๊าซออกจนหมด และนำรถบัสทั้ง 5 คันมาตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง จ.นครราชสีมา พบว่ารถ 2 คันแรกติดตั้งถังก๊าซ CNG รวม 6 ถัง ตามจดแจ้งและขออนุญาตไว้ ส่วนอีก 3 คันพบติดตั้งถังก๊าซ CNG คันละ 11 ถัง ขออนุญาต 6 ถัง และไม่ได้ขออนุญาต 5 ถัง หลังตรวจสภาพรถทั้ง 5 คันเสร็จสิ้นในช่วงดึก เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยรถบัสทั้ง 5 กลับไป นายจรูญ จงไกรจักร ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องรายละเอียดขอให้ทางส่วนกลางเป็นฝ่ายแถลงข่าว ขนส่งจังหวัดฯจะรายงานไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบกต่อไป

เช้าวันที่ 4 ต.ค. เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโคกกรวด ลงพื้นที่ตรวจสอบอู่กังการช่าง ต.โคกกรวด จ.นครราชสีมา พบไม่ได้ติดป้ายชื่ออู่ อยู่ลึกจากถนนใหญ่เข้าไปในพื้นที่รกร้าง โครงสร้างอู่เป็นเหล็ก มีหลังคายกสูง ภายในอู่ปิดไม่มีคนอยู่ แต่พบรถบัสโดยสารไม่ทราบบริษัทใดจอดอยู่ 2 คัน หน้าอู่พบถังก๊าซ CNG วางทิ้งไว้ 6 ถัง ตรวจสอบเอกสารที่ติดอยู่บนถังพบว่าถังก๊าซ CNG 3 ใบจาก 6 ใบ ระบุทะเบียนรถในเอกสารไว้ว่า 30-0411 สิงห์บุรี ตามเอกสารมีชื่อ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร เป็นเจ้าของรถ และเป็น 1 ในรถทั้ง 5 คันของบริษัท ชินบุตรทัวร์ ที่มาถอดถังก๊าซออก ก่อนจะนำไปตรวจสภาพ ส่วนอีก 3 ถังที่เหลือยังตรวจสอบไม่ได้ว่ามาจากรถคันใด เนื่องจากเอกสารถูกขูดทำลายไม่เห็นรายละเอียด บริเวณโดยรอบยังพบเหล็กใช้ล็อกถังก๊าซและสายรัดถังก๊าซ ใกล้กันมีเบาะรถสีแดงลายดอกไม้ด้านหลังระบุชื่อ “ชินบุตรทัวร์” ลักษณะตรงกับ 1 ในรถบัสทั้ง 5 คัน เป็นหลักฐานยืนยันว่ารถทั้ง 5 คันได้มาใช้บริการที่อู่แห่งนี้

นายสมบูรณ์ บัวบูชา รองนายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด เผยว่า อู่รถดังกล่าวยื่นขออนุญาตก่อสร้างปี 2556 และยื่นขอบ้านเลขที่ปี 2557 อ้างใช้เป็นโรงจอดรถ มีชื่อนายจีราวัฒน์ จารุรัตน์ธันญา เป็นเจ้าของ เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละ 1,160 บาท ในลักษณะบุคคลธรรมดา ไม่ได้เสียภาษีหรือยื่นขอจดทะเบียนประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ถือว่ามีความผิด จะแจ้งเจ้าของอู่ให้มายื่นจดทะเบียนให้ถูกต้องต่อไป

นายภัคพล ยิ้มดี นายช่างโยธาเทศบาลตำบลโคกกรวด กล่าวว่า พื้นที่ที่ใช้เป็นอู่รถนั้น ก่อนหน้าปี 2556 ที่จะแจ้งขอจดทะเบียน เทศบาลได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว พบว่าพื้นที่ถูกเทปูน ได้เข้าไปแนะนำเจ้าของอู่ไปยื่นขอจดทะเบียนให้ถูกต้องว่าจะก่อสร้างอะไร เจ้าของอู่ให้ความร่วมมือ เขียนแบบมาแจ้งจดทะเบียนว่าจะใช้เป็นโรงจอดรถ ต่อมาพบว่ามีรถทัวร์มาจอดทิ้งไว้ ส่วนใหญ่เป็นรถทัวร์ที่ประสบอุบัติเหตุมาจากที่อื่น มาจอดพักรอดำเนินการซ่อมแซม และรื้ออะไหล่ที่พังแล้วออก อู่ดังกล่าวไม่ได้ประกอบรถขึ้นมาใหม่หรือรับติดตั้งก๊าซรถยนต์ ส่วนกรณีที่เป็นข่าวเพิ่งมาทราบว่าอู่แห่งนี้ รับรื้อถอนการติดตั้งถังก๊าซ CNG ด้วย เป็นสถานที่อันตรายต้องขออนุญาตก่อน

ภายหลังขนส่ง จ.นครราชสีมา ได้ปล่อยรถบัสทั้ง 5 คันไปแล้ว เจ้าหน้าที่ขนส่ง จ.สิงห์บุรี ได้ติดตาม GPS จนทราบว่ารถบัส 5 คันจอดอยู่ที่ลานจอดรถวัดยวด อ.เมืองสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตามไปเพื่อนำรถบัสมาตรวจสภาพรถที่ขนส่ง จ.สิงห์บุรี แต่ไม่พบคนขับ ต่อมาบริษัท ชินบุตรทัวร์ ยอมให้คนขับนำรถบัสเข้าตรวจสภาพ คันแรกเป็นรถทะเบียน 30-0412 สิงห์บุรี พบติดตั้งถังก๊าซ CNG 11 ถัง ติดหลังเบาะคนขับ 4 ถัง กลางรถ 1 ถัง และท้ายรถอีก 6 ถัง รถบัสชั้นครึ่ง สภาพเบาะค่อนข้างเก่า มีถังดับเพลิงอยู่ประตูหน้า 1 ถัง ประตูกลาง 1 ถัง ส่วนประตูฉุกเฉินท้ายรถ มีที่ทุบกระจกแขวนไว้ 1 อัน ประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้ ส่วนรถอีกคันทะเบียน 30-0357 สิงห์บุรี มีสภาพเช่นเดียวกัน มีร่องรอยถอดเบาะตรงประตูฉุกเฉินออก เจ้าหน้าที่ได้ใช้สีสเปรย์ฉีดตรงกระจกรถทั้ง 2 คันว่า “ห้ามใช้” เพราะไม่ผ่านการตรวจสอบ จะต้องนำรถไปปรับปรุงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและนำมาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนรถบัสอีก 3 คันอยู่ระหว่างตรวจสภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของสำนักงานขนส่ง จ.สิงห์บุรี พบว่า บริษัท ชินบุตร ทัวร์ มีรถบัส โดยสารอยู่ในครอบครองทั้งหมด 6 คัน คันที่ 1 ทะเบียน 30-0427 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นายทรงวิทย์ ชินบุตร คันที่ 2 ทะเบียน 30-0411 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร คันที่ 3 ทะเบียน 30-0412 สิงห์บุรี และคันที่ 4 ทะเบียน 30-0357 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ น.ส.กนิษฐา ชินบุตร คันที่ 5 ทะเบียน 30-0438 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ นายณัฐพล ธรรมวิโรจน์ศิริ และคันที่ 6 คันที่เกิดเหตุ ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ผู้ถือครองคือ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร เฉพาะรถบัสคันนี้ถูกยกเลิกใบอนุญาตแล้ว จะไม่สามารถนำรถมาจดแจ้งใช้งานได้อีกต่อไปในอนาคต

ขณะเดียวกัน นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง จ.สิงห์บุรี เพื่อขอเอกสารการตรวจสถาพรถบัสทั้ง 5 คัน ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า รถบัสคันเกิดเหตุไฟไหม้ จดทะเบียนครั้งแรก ปี 2513 ที่ขนส่ง จ.สิงห์บุรี มีอายุการใช้งาน 54 ปี ถูกเปลี่ยนตัวถัง เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ได้ขออนุญาตติดถังก๊าซ CNG เพียง 6 ถังเท่านั้น แต่ภายหลังติดตั้งเพิ่มอีก 5 ถัง เป็น 11 ถัง จะตรวจสอบว่าการติดตั้งถังก๊าซ มีวิศวกรรับรองหรือไม่ และตรวจสอบอู่ที่รับติดตั้งต่อไป ส่วนจะมีผู้มีส่วนได้เสีย หรือมีผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ไม่ต้องกลัว ป.ป.ช.จะตรวจสอบอย่างละเอียด หากมีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตจะดำเนินการตามกฎหมาย

ในส่วนของอาการเด็กหญิง อายุ 14 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ และเข้ารักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ล่าสุดอาการโดยรวมทั่วไปดีขึ้น ไม่มีไข้ รับประทานอาหารได้ บาดแผลไฟไหม้บริเวณแขนทั้งสองข้างคงที่ ไม่พบการติดเชื้อ ส่วนบริเวณอื่นบาดแผลดีขึ้นมาก ส่วนอาการของเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ที่ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย เข้ารักษา รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย อาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ มีทีมแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือครูและนักเรียนจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าได้เปิดใช้บัญชีระดมทุนเพียงบัญชีเดียว ชื่อบัญชี “รวมน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบเหตุไฟไหม้รถบัสโดยสารขณะเดินทางไปทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี” ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 059-0-43728-3 ดำเนินการโดย ศธ.เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น ส่วนบัญชีอื่นที่โรงเรียนเปิดจะทยอยปิดต่อไป