“ดีเอสไอ” พบหลักฐานสำคัญในบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” เป็นเอกสารทางกฎหมายระบุทำขึ้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ชี้แจงกรณีโอนเงินจากบอสพอลไปให้แม่นายสามารถ สุดท้ายโอนเข้าบัญชีนายสามารถอีกทอด รวม 12 ครั้ง เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ชี้แจงไปทำนองเป็นเงินกู้ยืมและเงินทำบุญ ดีเอสไอเร่งตรวจสอบ เป็นการเตี๊ยมกันเพื่อให้ลูกความพ้นผิดหรือไม่กำลังไล่สอบละเอียดยิบ ยืนยันจับพิรุธได้แน่ โต้ประเด็นไม่ให้ความเป็นธรรม จนผู้ต้องหาประกาศอดข้าว เข้ารักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์ ยันคดีหลักดิ ไอคอนฯส่งอัยการฟ้องทันเดือน ธ.ค.แน่ ส่วนคดี “หมอบุญ” หลอกลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท ศาลยกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวอดีตเมียและลูกสาวส่งตัวกลับเข้าทัณฑสถานหญิงกลางทันที

การสืบสวนคลี่คลายบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาลอตแรกรวม 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้ว ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เพิ่มเติมกับ 18 บอสในเรือนจำไปแล้ว ขยายผลพบเส้นเงินโอนเงินให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดา ถูกออกหมายจับดำเนินคดีไปแล้ว

ความคืบหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ย. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดา ว่า วันนี้นัดประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีร่วมกันฟอกเงินของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ส่วนประเด็นพบพยานเอกสารเท็จอาจถูกจัดทำขึ้นโดยผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายเพื่อช่วยผู้ต้องหา ในส่วนนี้หากพิสูจน์ได้ว่าทำพยานหลักฐานเท็จจะมีความผิดทางอาญา ส่วนกรณีแม่นายสามารถให้สัมภาษณ์ว่า ดีเอสไอยังไม่เคยออกหมายเรียกแต่กลับออกหมายจับจนไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องด้วยคดีนี้มีอัตราร้ายแรงโทษเกิน 3 ปี ต้องขอศาลออกหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นการตรวจพบเอกสารฉบับดังกล่าว เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 25 พ.ย.คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอนำหมายค้นและหมายจับเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด คือ บ้านนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ย่านถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางพรหม เขตตลิ่งชัน และบ้านนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ แม่นายสามารถในซอยพญานาค เขตราชเทวี เบื้องต้นพบเอกสารระบุวันที่ 12 พ.ย.จัดทำขึ้นโดยทนายคนหนึ่ง อ้างว่าจัดทำขึ้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอให้ยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลการโอนเงินให้มารดานายสามารถ รายละเอียดแจ้งการรับโอนเงิน 12 ครั้งรวม 2,200,000 บาท ให้ชี้แจงว่าเป็นการกู้ยืมเงินและนายสามารถชำระคืนเป็นเงินสดแล้ว บางรายการแจ้งว่าเป็นเงินฝากไปทำบุญ แถมมีหนังสือขอบคุณมารดานายสามารถที่กู้ยืมเงินและคืนหมดแล้ว เอกสารดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนยังเชื่อว่าไม่ใช่เอกสารที่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล จัดทำขึ้น แต่อาจเป็นเอกสารที่บุคคลและคณะบุคคลร่วมกันจัดทำขึ้นอันเป็นเท็จ เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิด

ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษรับทราบมติที่ประชุมและรายงานความคืบหน้ารวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมถึงติดตามสถานการณ์คดีพิเศษที่ 119/2567 การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ทราบว่า คืบหน้าไปเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าส่งสำนวนอัยการทันกำหนดฝากขังภายในเดือน ธ.ค.แน่นอน ส่วนความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 115/2567 คดีฟอกเงิน กรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ปัจจุบันมีผู้ต้องหา 3 คน คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ และนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ส่วนที่ทำให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาทั้ง 3 คน เนื่องจากเส้นทางการเงินออกจากบุคคลในคดีมูลฐาน เมื่อจับกุมตามข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาสามารถนำพยานหลักฐาน พยานเอกสาร เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ภายใน 15 วัน

พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า กรณีพบเอกสารในบ้านนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุข้อความถึงเรื่องเงิน 2.5 ล้านบาทระหว่างนางวิลาวัลย์และนายวรัตน์พลว่า เป็นเงินกู้ยืมกัน บางส่วนเป็นเงินทำบุญ ดีเอสไอรับพยานหลักฐานทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วต้องนำพยานหลักฐานเหล่านี้มาชั่งน้ำหนักว่า สิ่งที่พบสามารถใช้หักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ หากหักล้างได้จะมีความเห็นทางคดีสั่งไม่ฟ้อง แต่ถ้าไม่สามารถใช้หักล้างได้ต้องมีความเห็นสั่งฟ้อง ถ้าเอกสารฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารที่ถูกสร้างขึ้นภายหลัง หรือพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นพยานเอกสารเท็จ ต้องเรียนว่าทางกฎหมายผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ในส่วนของหลักฐานที่สร้างขึ้นมาต้องไปดูว่าเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ ใครคือผู้จัดทำ

“สำหรับเส้นทางการเงินบัญชีนายสามารถ เมื่อรับโอนมาจากบัญชีของมารดาแล้ว โอนต่อไปยังปลายทางใดบ้าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบส่วนจะเจอบัญชีใครรับโอนต่อจากนายสามารถ ขอเรียนว่าดีเอสไอเจอหลายเส้นทางการเงิน เพราะตามที่ปรากฏในข่าวมีทั้งเส้นเงินจากบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และเส้นทางการเงินจากบุคคลอื่นปะปนในบัญชีด้วย ต้องดูทั้งหมดว่าจริงๆสุดท้ายเงินอื่นที่เราไม่เจอนั้น อ้อมมาจากบัญชีบริษัทฯด้วยหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังพบเพียงบัญชีของบอสพอลและบอสปีเตอร์ที่โอนเข้าบัญชีนางวิลาวัลย์ แต่ต้องขยายผลต่อเร่งทำงานอยู่ เเละจะดูกรณีบอสปีเตอร์ด้วยเพราะเป็นหนึ่งในผู้โอนเงินไปยังบัญชีนางวิลาวัลย์” พ.ต.ต.วรณันกล่าว

พ.ต.ต.วรณันกล่าวด้วยว่า กรณีนายสามารถประกาศอดข้าวภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกออกหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ต้องถามว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร เพราะการทำงานของดีเอสไอเราฟังความ 2 ฝ่าย ดังนั้นเวลาท่านถูกแจ้งข้อกล่าวหา ท่านมีหน้าที่ยื่นชี้แจงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เราพร้อมรับฟัง และให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว ส่วนกรณีทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายบอสพอล จะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนการทำหน้าที่ของดีเอสไอต่อ ป.ป.ช. ตนเพิ่งทราบจากสื่อ ส่วนการนำพยานฝั่งดิไอคอนฯ มาพบพนักงานสอบสวน ตนรับแจ้งว่าวันนี้ยังไม่มาตามที่นัดไว้

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เดินทางเข้าเยี่ยมลูกความ หลังจากนั้น นายวิฑูรย์ ออกมาเผยว่า วันที่ 29 พ.ย.ตนจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเอาผิดเจ้าหน้าที่สำนักเศรษฐกิจการคลังที่ให้การเท็จ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องให้ข้อมูลผลตอบแทนทางธุรกิจของตัวแทนจำหน่ายร้อยละ 4 ต่อเดือน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ถือว่าเป็นการให้การเท็จ และเตรียมยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ทราบข้อเท็จจริงภายในวันที่ 3 ธ.ค.

“กรณีที่ดีเอสไอตั้งข้อพิรุธเรื่องเอกสาร ขอให้ยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลการโอนเงินให้แม่นายสามารถ ระบุวันที่ 12 พ.ย. จัดทำขึ้นโดยทนายคนหนึ่ง อ้างว่าทำขึ้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและลงนามเอกสารโดยนายวรัตน์พล ยืนยันว่าผมเป็นคนนำเอกสารไปให้นายวรัตน์พลเซ็น ยืนยันเอกสารจริง แต่เอกสารดังกล่าวผมไม่ได้เป็นคนจัดทำเป็นเพียงเอกสารที่ที่ปรึกษานายสามารถนำมาให้นายวรัตน์พลเซ็นยืนยันตามข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มีความสำคัญต่อรูปคดี ไม่ใช่เอกสารสัญญากู้ยืมเงิน เอกสารเซ็นอย่างถูกต้อง มีตราประทับของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หากดีเอสไอพยายามกล่าวหาว่าผมพยายามแทรกแซงหรือช่วยเหลือผู้ต้องหา ในความเป็นจริงควรพิจารณาตามพยานหลักฐาน หรือว่าจริงๆแล้วดีเอสไอไม่พอใจที่ผมพยายามต่อสู้คดีหรือไม่” ทนายวิฑูรย์กล่าว

ที่กรมราชทัณฑ์ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา ฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยกรณีทนายความนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งตัวนายสามารถไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเกือบ 4 วันว่า เนื่องด้วยนายสามารถไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวันตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อยและอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้ปวดท้อง ทำให้ช่วงเย็นวันที่ 27 พ.ย.ต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ ที่ผ่านมานายสามารถดื่มน้ำ แต่ไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ ส่วนจะต้องนอนรักษาตัวในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นานเท่าไหร่ จะเป็นการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์เป็นหลัก หากมีความคืบหน้าจะแจ้งอีกครั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ขอขยายเวลาการตรวจสอบเพิ่มอีก 30 วัน ล่าสุด นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฐานะกำกับดูแล สคบ.ลงนามขยายเวลาทำงานของคณะกรรมการต่อไปอีก 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.-15 ธ.ค.เนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนความคืบหน้าคดี นพ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี อดีตภรรยา ลูกสาว และคนสนิทรวม 9 คน ถูกออกหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ข้อหาร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอื่น ความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี อดีตภรรยาและ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ลูกสาวยังถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ความคืบหน้าจากศาลอาญาเมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดไต่สวนกรณีขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน วางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวทั้ง 2 คน จากทัณฑสถานหญิงกลางมาไต่สวน โดยมีนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ รวมทั้งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง มาร่วมไต่สวน

น.ส.นลิน ลูกสาวหมอบุญ เบิกความว่า ตนเป็นผู้บริหารและกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) มีหุ้นเพียง 10,000 หุ้น จากทั้งหมด 840 กว่าล้านหุ้น ส่วน นพ.บุญ ออกจากกรรมการ บมจ.ธนบุรีฯไปตั้งแต่ปี 2564 ไม่ทราบว่า นพ.บุญเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อใด ตนมีสามีเป็นชาวต่างชาติจึงมีหนังสือเดินทางประเทศไทยและหนังสือเดินทางประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งมีบ้านที่ประเทศสเปน ที่ประเทศไทยก็ไม่ได้พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับ นพ.บุญ ที่อาศัยอยู่คอนโดมิเนียมซอยสุขุมวิท 31/1 ตนมีอาการซึมเศร้า หลังทราบว่าโดนปลอมลายมือชื่อจึงเดินทางไปลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของ นพ.บุญ กับพวก

ด้าน น.ส.จารุวรรณ อดีตภรรยาหมอบุญ เบิกความว่าตนหย่ากับ นพ.บุญ ตั้งแต่ปี 2541 แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ลักษณะต่างคนต่างอยู่ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงให้ลงทุน ปัจจุบันมีอาการป่วยโรคความดันโลหิตสูง ภาวะกระดูกพรุน ต้องเข้ารับการรักษาเป็นประจำ

ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เบิกความว่า ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนทันที แต่มาพบพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หลังถูกออกหมายจับ มีเอกสารสัญญาเงินกู้และค้ำประกันหลายฉบับที่มีลายมือชื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่ไม่ทราบว่าถูกปลอมลายมือชื่อหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีก ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ขอคัดค้านการประกันเนื่องจากปรากฏว่า มีผู้เสียหายบางรายถูกข่มขู่คุกคามไม่ให้เข้าแจ้งความ ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ นพ.บุญ เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องการโยกย้ายทรัพย์สิน หรืออาจทำลายพยานหลักฐานได้ หลังไต่สวนเสร็จศาลนัดฟังคำสั่งเวลา 15.00 น.

ด้านนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ กล่าวว่า ตนแถลงต่อศาลว่าลูกความไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน พร้อมปฏิบัติตามคําสั่งศาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงเหตุผลเดิมเรื่องลายมือชื่อปลอมและปัญหาสุขภาพ แต่พนักงานสอบสวนให้เหตุผลคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง กรณีนี้ตนไม่อยากก้าวล่วงศาล ทุกอย่างนําเสนอต่อศาลไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับศาลจะมีดุลพินิจ ส่วนกรณีลูกความทั้งสองมีอาการเครียดถึงกับร้องไห้ในห้องพิจารณาเป็นเรื่องปกติ เพราะทั้งคู่เคยใช้ชีวิตอยู่แต่ภายนอก อีกทั้งมีปัญหาเรื่องสุขภาพลูกสาวเป็นโรคซึมเศร้า ตนไม่ขอพูดอะไรมากเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าโรคนี้หากพูดตอกยํ้าจะยิ่งทําให้แย่ลงได้ ส่วนของแม่มีปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับผู้สูงอายุ หากศาลพิจารณายกคําร้องขอปล่อยชั่วคราวจะต้องหารือกันอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 16.38 น. ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังศาลอ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาแล้ว คดีมีอัตราโทษสูง การกระทำมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำความเสียหายมีมูลค่าสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง