กระบวนการยุติธรรมล่าช้าทำให้เกิดรอยด่างพร้อย

แผลในใจจากเหตุการณ์คดีสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส กลายเป็นเงื่อนไขแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดในประวัติศาสตร์ โศกนาฏกรรมบนดินแดนด้ามขวาน

ปล่อยระยะเวลานาน 20 ปี จนคดีหมดอายุความ

ไม่สามารถนำจำเลยที่พนักงานอัยการลงความเห็นสั่งฟ้อง และศาลออกหมายจับมาดำเนินคดีได้

พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรตากใบ นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

คือร่องรอย “ตราบาป” ที่ต้องถูกบันทึกเป็น “มรดกความสูญเสีย” ของชายแดนใต้

เสมือนอุทาหรณ์สะท้อนผู้ถือกฎหมาย

กระนั้นก็ตาม มีอีกตัวอย่างที่ผู้อ่านส่งจดหมายระบายความมาถึง สหบาท ว่าด้วยเรื่องราว ขบวนการเหยียบหมายจับ ทนายความคนหนึ่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ข้อหา ยักยอก ของศาลจังหวัดภูเก็ตอายุความ 10 ปี กำลังจะหมดในปี 2567

ทว่าไม่สามารถจับกุมตัวได้

เนื่องจากผู้ต้องหาสนิทสนมกับผู้ใหญ่หลายคนจนไม่ยอมติดตามตัวมาดำเนินคดี แถมยังเดินทางไปว่าความในพื้นที่อีกด้วย

ตั้ง ขบวนการเหยียบหมายจับ เพื่อรอให้หมดอายุความ “ตบหน้า” กระบวนการยุติธรรม

ซ้ำรอยคดีตากใบ.

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม