กู้ภัยสว่างสงขลาร่วมใจร้อง หลังรถพยาบาล ถูกกระบะพุ่งชนหน้ารถพังยับ ขณะนำส่งผู้ป่วยเคสฉุกเฉิน ผ่านมา 7 วัน คนขับยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากหัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสงขลาร่วมใจ ว่าเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.19 น. ได้มีรถกระบะอีซูซุตอนเดียว สีบรอนซ์เงิน ได้บรรทุกสิ่งของมาเต็มท้ายรถกระบะ พุ่งชนรถตู้แอมบูแลนซ์ของมูลนิธิสว่างสงขลาร่วมใจเข้าอย่างจัง ขณะกำลังพาผู้ป่วยเคสแดง (อาการหนัก) เร่งนำส่งโรงพยาบาลสงขลา ซึ่งระหว่างนำส่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเปิดไฟเรนและเสียงไซเรนเพื่อขอทางแล้ว

หลังเกิดเหตุทางคนขับรถกระบะได้มีการเรียกประกันมาที่เกิดเหตุ พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายเดินทางไปไกล่เกลี่ยตกลงความเสียหายที่สถานีตำรวจภูธรสงขลา โดยทางพนักงานประกันรถกระบะได้รับปากกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการรับผิดชอบค่าเสียหายซ่อมแซมรถตู้แอมบูแลนซ์ จนถึงขณะนี้ 7 วันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการเรียกสอบปากคำแต่อย่างใด และทางพนักงานประกันรถกระบะหายเงียบไปเช่นกัน จึงเป็นสาเหตุร้องทุกข์สื่อช่วยเป็นสื่อกลางกระตุ้นคู่กรณีหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งดำเนินการ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่มูลนิธิสว่างสงขลาร่วมใจ ถนนทะเลหลวง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พบกับนายบุญฤทธิ์ ทองเกิด อายุ 57 ปี หัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสงขลาร่วมใจ และนายนที เกื้อคลัง หรือ เบียร์ อายุ 20 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสงขลาร่วมใจ ซึ่งในวันเกิดเหตุทำหน้าที่ขับรถตู้แอมบูแลนซ์ ก่อนจะมอบหลักฐานคลิปกล้องวงจรปิดและภาพรถตู้แอมบูแลนซ์ที่ได้รับความเสียหายจากคนขับรถกระบะพุ่งชน และพาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ตรงบริเวณสามแยกไฟแดงธนาคาร ธ.ก.ส. ถนนรามวิถีตัดกับถนนทะเลหลวง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา

สอบถามนายนที เกื้อคลัง หรือ เบียร์ อายุ 20 ปี คนขับรถตู้แอมบูแลนซ์ ได้เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งให้ไปรับผู้ป่วยเคสแดงหมดสติปลุกไม่ตื่นบริเวณถนนเทศบาล 1 เมื่อไปถึงพบว่าผู้ป่วยมีอาการตาค้างปลุกไม่ตื่นก็เลยเร่งนำส่งโรงพยาบาลสงขลา ระหว่างทางนำส่งก็ขับมาตามปกติพร้อมกับไฟและเสียงไซเรนดังมาก พอมาถึงตรงแยกไฟแดงตนเห็นรถยนต์ชาวบ้านจำนวนหลายคันได้ขับมาและตนก็ได้ชะลอรถ ส่วนรถยนต์ชาวบ้านก็ได้หยุดให้รถของตนขับผ่านไปก่อน

ระหว่างที่ตนขับรถออกไปได้มีรถกระบะขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนเข้าช่วงหน้ารถอย่างจัง จากนั้นคนขับก็ลงมาจากรถและได้ขอโทษและบอกว่ารถของเขาได้บรรทุกสิ่งของหนัก 3 ตัน คนขับก็บอกว่าเห็นรถของตนแล้วแต่เบรกไม่ทัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 นาย รวมทั้งตนและญาติผู้ป่วยอีก 1 คน ตนได้รับบาดเจ็บคอเคล็ดเล็กน้อย ส่วนรถตู้บริเวณด้านหน้าได้รับความเสียหายมีกระจกรถ กันชนด้านหน้าและโครงรถด้านหน้าเสียหาย

จากการสอบถาม นายบุญฤทธิ์ ทองเกิด อายุ 57 ปี หัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสงขลาร่วมใจ ได้เล่าว่า หลังรับแจ้งว่ารถกู้ภัยได้รับอุบัติเหตุตนก็ได้เดินทางนำรถอีกคันไปรับผู้ป่วยเร่งนำส่งต่อโรงพยาบาลได้ทันท่วงที จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่ามีใครได้รับบาดเจ็บอีกบ้าง และพบว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำที่หัวไหล่ ส่วนรถตู้ที่โดนชนนั้นไม่สามารถนำมาใช้งานได้เลย ได้รับความเสียหายด้านหน้าแผงหน้าทั้งแผง ซึ่งชนอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าเขามาไม่เบรกเลย

ต่อมาหลังเกิดเหตุ คนขับรถกระบะพยายามอ้างแต่กฎหมายจราจร แต่เขาไม่อ้างถึงรถฉุกเฉินเลยว่ามีกฎหมายยกเว้นสำหรับรถฉุกเฉิน ซึ่งพวกตนปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งระมัดระวัง ไม่ประมาทในการร่วมใช้ท้องถนนแต่ก็ยังเกิดความผิดพลาด

ต่อมาคนขับได้โทรเรียกประกัน และบอกว่าเอาตามประกันว่าอย่างไรก็เอาอย่างนั้น ส่วนทางประกันก็บอกว่าแล้วแต่ร้อยเวรจะว่าอย่างไรให้เป็นคนตัดสินว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งล่าสุดตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการติดต่อมาทางมูลนิธิให้ไปสอบปากคำแต่อย่างใด ยังเงียบอยู่ และตนก็รอทางประกันด้วยว่าจะรับผิดชอบอย่างไร

เพราะตอนนี้รถของกู้ภัยยังไม่มีแนวโน้มจะได้รับการซ่อมแซม และทางมูลนิธิก็ไม่ได้มีทรัพย์มากมายที่จะมาซ่อมแซมเองตรงนี้ ซึ่งรถตู้คันดังกล่าวก็ได้รับการบริจาคมาจากทาง อบจ.สงขลา ให้ทางมูลนิธิได้ใช้รับผู้ป่วยและเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย และอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งดำเนินการให้ความยุติธรรมและจะได้เร่งซ่อมแซมรถเพื่อจะได้นำรถมารับประชาชนที่ป่วยในท้องถิ่น.