ผมอ่านนิทาน เรื่อง “นางกะเชอก้นรั่ว” หลายสำนวน จำได้แค่นางเป็นเมียคนหาปลา ผัวหาปลาเก่งแค่ไหนก็ไม่มีปลากลับไปกินที่บ้าน เพราะกะเชอที่ใส่ปลาก้นรั่ว…ก็แค่นั้น
เพิ่งมาอ่านเรื่องละเอียดพิสดาร…ถึงใจเอาก็ในเล่ม “นิทานนางตันไตรย” ฉบับศาสตราภิชาน ดร.กุสุมา รักษมณี ที่ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พิมพ์ ส.ค.2567 นี่เอง (ราคา 250 บาท ครับ)
นิทานนางตันไตรยของไทย ต้นฉบับตกทอดมาแต่สมัยอยุธยา คัดลอกไว้ในสมุดไทย แยกเป็น 3 เรื่อง นนทุกปกรณัม ปักษีปกรณัม และปีศาจปกรณัม มีนิทานซ้อนให้อ่าน นับเรื่องแทบไม่ถ้วน
ชื่อ…กะเชอก้นรั่วถูกวงเล็บไว้ หลังหัวข้อนนทุก 5 พรานอาวกู…ชื่อพรานคนนี้ คือพระเอกตัวจริง ส่วนชื่อกะเชอก้นรั่วก็ไม่ใช่นางเอก นางเอกจริงใคร เรื่องราวเป็นเช่นใด โปรดติดตามอ่านต่อ
ในเมืองโรมวิสัยของพระเจ้าวินทุกกัลยาณตราปราช มีพรานปลาเข็ญใจคนหนึ่งไปช้อนปลากับภรรยา ภรรยากระเดียดกะเชอก้นรั่วคอยเก็บปลาที่สามีหามาได้ ปลาจึงหลุดรอดไปทั้งหมด
หญิงภรรยานายเรือสำเภา นั่งอยู่ท้ายเรือ เห็นภรรยาพรานปลาทำเช่นนั้นก็หัวเราะ นายสำเภาโกรธหาว่านางพึงใจตัวพรานปลา ท้าให้เปลี่ยนตัวนางกะเชอก้นรั่วกับเธอ
นางจึงลาสามีไปขออยู่กับพรานปลา คอยถือตะกร้ามีฝาปิดใส่ปลา นับแต่นั้นพรานปลาจึงหาปลาได้ครั้งละมากๆ ต่อมานางชักชวนพรานปลาเลิกฆ่าสัตว์มาตัดฟืนขาย เจอไม้กฤษณาจำนวนมากก็นำไปขายจนร่ำรวย
ทั้งนางยังแนะให้สามีออกวิ่งทุกเช้า สามีวิ่งประจำจนร่างกายกำยำแข็งแรง
วันหนึ่ง พระเจ้าโรมวิสัยโปรดให้พรานทั้งหลายตามเสด็จประพาสป่า ภรรยาเตรียมเสบียงใส่ไถ้ให้พรานคาดเอวไว้ พยายามวิ่งตามเสด็จให้ทันม้าทรง แล้วบอกสามีหากพระราชาถามชื่อให้บอกว่าชื่ออาวกู
พระราชาพบกวางป่าจึงทรงม้าไล่ตาม พลัดหลงกับไพร่พลอื่น เหลืออาวกูวิ่งตามทันคนเดียว เมื่อพระราชาหยุดพักอาวกูก็เอาอาหารในไถ้ถวายพระราชา ทรงสำราญพระทัยตรัสกับอาวกู “จะเล่านิยายให้ฟัง”
แต่เพราะความหิวความเหนื่อย เมื่อทรงอิ่มหนำก็บรรทมหลับไปเสียก่อน
ฝ่ายฝูงเทวาคอยฟังนิยายที่พระราชาตรัสว่าจะทรงเล่า แล้วเงียบหายก็ไม่พอใจ พากันกล่าวว่าพระราชามุสา หลุดคำสาปแช่งหลายข้อ
หากเสด็จออกจากหมู่ไม้ ขอให้กิ่งไม้หักทับ เมื่อจะเข้าประตูพระนคร ขอให้ไม้ขวางประตูพังทับ และเมื่อบรรทมหลับ เทวดาจะแปลงเป็นงูพิษเข้าไปฉกกัด
พรานอาวกูได้ยินทุกคำ เมื่อพระราชาตื่นบรรทมก็ทูลให้รีบทรงม้าโผนไปให้พ้นกิ่งไม้หัก เมื่อจะเข้าประตูก็ทูลให้เร่งม้าเข้าไปจนพ้นก่อนประตูพังลงมา ตามเสด็จจนเข้าบรรทม พระราชาส่งพระแสงดาบให้อาวกูเฝ้าหน้าห้อง
ดึกสงัดงูพิษเทวดาแปลงก็เลื้อยลงมาจากเพดาน จะกัดพระราชา อาวกูก็ใช้ดาบสังหารงู แต่โลหิตงูกระเซ็นไปต้องพระถันพระมเหสี อาวกูคิดจะเช็ดโลหิตงูด้วยมือก็เกรงพระนางจะตื่น จึงเปลี่ยนเป็นก้มลงเลีย
พระมเหสีสะดุ้งตื่นทูลฟ้อง พระราชากริ้วมากจะสั่งประหารอาวกูจึงทูลเล่าทุกเรื่องตั้งแต่ต้นให้พระราชาฟัง โชคดีมีซากอสรพิษและโลหิตที่กระเซ็นเปื้อนห้องเป็นประจักษ์หลักฐาน พระราชาทรงเชื่อ
ทรงเปลี่ยนคำสั่งประหารเป็นแต่งตั้งให้พรานอาวกูเป็นเสนาบดี
ต่อมาพระราชาสิ้นพระชนม์ โดยไม่มีโอรสธิดา หมู่อำมาตย์เห็นพ้องต้องกัน ยกอาวกูขึ้นครองเมือง
นิทานที่มีชื่อกะเชอก้นรั่ว…ก็จบลงตรงพรานปลาผู้ได้ภรรยาดี ช่วยชี้นำชีวิต สำนวนในนนทุกปกรณัมใช้ว่า “มีวิริยะกิจขวนขวายในกิจจานุกิจทั้งปวง ก็ย่อมได้เสวยสุขาภิรมย์ เมื่อปัจฉิมกาล” ด้วยประการฉะนี้แล.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ