“ทนายตั้ม” ถูกสอบสวนคุณสมบัติสมัครสมาชิกวุฒิสภา ปมประกอบอาชีพทำงานเพื่อประชาชนไม่ครบ 10 ปี หลังขอขยายเวลาการสอบสวนมาแล้วหลายครั้ง หากผิดจริงเสี่ยงโทษจำคุก 1-10 ปี

วันที่ 13 พ.ย. 67 นายนิติพัฒน์ ชูกล้ากสิกรณ์ ประธานสืบสวนและไต่สวน กกต. จังหวัดสมุทรสาคร เดินทางเข้าสอบปากคำและสอบถามข้อเท็จจริง นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งติดอันดับสำรอง แต่ขณะนี้ถูกดำเนินคดีในข้อหาเงินจำนวน 71 ล้านบาทและเงิน 39 ล้านบาทของ “เจ๊อ้อย” 

นายนิติพัฒน์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อให้ทนายตั้มได้ชี้แจงกรณีที่มีคนร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติการสมัครสมาชิกวุฒิสภา โดยพบว่าทนายตั้มอาจขาดคุณสมบัติในการประกอบวิชาชีพทำงานเพื่อประชาชน โดยตามกฎหมายจะต้องประกอบอาชีพ 10 ปีขึ้นไป โดยที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ช่วงหลังการเลือกตั้งประมาณ 1-2 เดือน หรือประมาณช่วงปลายเดือนกันยายน จากนั้นทาง กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยมีตนเองเป็นประธาน จากนั้นได้มีการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวเรื่อยมา กระทั่งถึงขั้นตอนการเรียกให้ทนายตั้มเข้าชี้แจงเรื่องดังกล่าว

แต่ในครั้งแรกทนายตั้มขอเลื่อนการชี้แจงไปเป็นวันที่ 27 พฤศจิกายน แต่ตนมองว่าจะเกินกรอบที่ตั้งไว้ จึงมีการขยายกรอบการไต่สวนสืบสวนเรื่องดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้หลังจากได้ข้อมูลจากทนายตั้ม ก็จะนำไปพิจารณาในคณะว่ามีเหตุผลและหลักฐานพอที่จะเชื่อได้หรือไม่และลงมติพิจารณา

ทั้งนี้ หากทนายตั้มขาดคุณสมบัติตามที่มีการร้องเรียนมา จะถูกถอดถอนจากการเป็นตัวสำรองของสมาชิกวุฒิสภาทันที และจะถูกดำเนินคดีในข้อหารู้ว่าไม่มีคุณสมบัติแล้วมาสมัคร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี แต่ทั้งหมดนี้ ต้องรอการพิจารณาจากองค์คณะอีกครั้ง ซึ่งจากการพิจารณาแล้วอาจจะต้องมีการขยายกรอบการพิจารณาออกไปอีก 1 ครั้งเพราะยังติดปัญหาเรื่องผู้สมัครที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ

ส่วนกรณีที่ทนายตั้มถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับเจ๊อ้อย นายนิติพัฒน์ เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวยังถือว่าคดีความยังไม่สิ้นสุด และยังไม่ถึงขั้นที่จะถอดถอนทนายตั้มออกจากเป็นตัวสำรองสมาชิกวุฒิสภาในขณะนี้ได้