ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่มีการจัดโครงการ Thailand Winter Festivals ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยจัดอีเวนต์ใหญ่ 7 ด้าน หรือ 7 wonders of Thailand ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับเวิลด์คลาสสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นฮับแห่งเฟสติวัลโลก
บิ๊กอีเวนต์นี้ต้องยกเครดิตให้ อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่เปิดตัวโครงการปีแรกได้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากล คุณเศรษฐาทั้งเดินสายโปรโมต และแก้กฎหมายเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้กระตุ้นการท่องเที่ยวปลายปี 2566 ได้ดีทะลุเป้า
ผมอยากเห็น นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มร้อยแบบนี้เช่นกัน เพราะช่วงหน้าหนาวเป็นไฮซีซันที่โกยเงินจากการท่องเที่ยวได้มากที่สุด ทั้งยังสามารถต่อยอดให้เที่ยวไทยได้ตลอดทั้งปี และไม่จำเป็นต้องเที่ยวแค่เมืองหลัก เมืองรองก็มีเสน่ห์น่าเที่ยวสร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน
สำหรับ 7 หมวดหมู่กิจกรรมของ Thailand Winter Festivals ประกอบด้วย 1.เทศกาลลอยกระทง ประเพณีที่อยู่คู่ คนไทยมาช้านาน ใน กทม.มีจัดอีเวนต์ใหญ่ที่คลองผดุงกรุงเกษม และวัดอรุณราชวรารามฯ ส่วนต่างจังหวัดมีงานลอยกระทงตามวัฒนธรรมของแต่ละพื้นถิ่น บรรยากาศแตกต่างกันไป อาทิ งานเผาเทียนเล่นไฟ จ.สุโขทัย ประเพณียี่เป็ง จ.เชียงใหม่ ลอยกระทงสาย จ.ตาก ลอยกระทงกาบกล้วย จ.สมุทรสงคราม ประเพณีสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป จ.ร้อยเอ็ด
2.เทศกาลเคาต์ดาวน์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จุดสำคัญใน กทม.อยู่ที่สวนนาคราภิรมย์ ไอคอนสยาม (มีข่าวว่าปีนี้ลิซ่าจะมาโชว์ด้วย) เซ็นทรัลเวิลด์ และทุกจังหวัดทั่วประเทศโดยเฉพาะเชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต
3.กิจกรรมเชิงกีฬา คิกออฟยิ่งใหญ่วันที่ 1 ธ.ค. มีการแข่งขันวิ่งมาราธอน Amazing Thailand Marathon Bangkok คาดจะมีนักวิ่งเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน ปีนี้ยังได้อิลิอุด คิปโชเก นักวิ่งมาราธอนผู้ยิ่งใหญ่ชาวเคนยา ที่สร้างประวัติศาสตร์วิ่ง 42.2 กิโลเมตร ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 59 นาที 40 วินาที มาเป็นแอมบาสเดอร์โปรโมตการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีงานวิ่งเทรลรายการใหญ่ Hoka Chiang Mai Thailand ที่ จ.เชียงใหม่
4.กิจกรรมด้านวัฒนธรรม นำเสนอวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ ต่อชาวโลก เช่น มหกรรมช้างสุรินทร์ จ.สุรินทร์ งานใส่ไทยเฟสติวัล การแสดง โชว์ผ้าไทย จ.อุบลราชธานี งานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.สกลนคร
5.เทศกาลอาหาร จัดใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ รวบรวมอาหารทั้ง 5 ภาคมาผสมผสานผ่านเชฟชั้นนำ และเทศกาลปลาร้าหมอลำ Isan to The World เอาเชฟระดับเซเลบมาโชว์เทคนิคการทำอาหาร
6.เทศกาลดนตรี จัดเวทีใหญ่ระดับโลกกระจายไปจุดต่างๆ งานใหญ่ที่มีอยู่แล้ว เช่น งาน Wonderfruit จ.ชลบุรี งาน Rolling Loud Thailand 2024 ศูนย์รวมดนตรีฮิปฮอปที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงงานบิ๊กเมาเท่นโคราช มหกรรมดนตรีนานาชาติที่ปทุมธานี
7.เทศกาลแสงสี Lighting&Illumination ไฮไลต์อยู่ที่งานวิจิตรเจ้าพระยา Vijit Chao Phraya แสดงสีสันประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตระการตาด้วยแสง สี เสียง พลุและสื่อผสม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การนำวัฒนธรรมไทยไปสู่ระดับโลก ผลักดัน Local to Global ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นเจ้าบ้าน ที่ดี ช่วยกันมอบประสบการณ์และประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่า “เมืองไทยมีดีอะไร” และผมอยากเชิญชวนคนไทยมาช่วยกันเที่ยวในเมืองไทย ให้สมกับคำพูดที่ว่า “ไทยมีดี”
รอฟังแพ็กเกจโปรโมชันที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังคลอดออกมากันนะครับ น่าจะวันนี้หรืออีกไม่กี่วันคงประกาศ ทั้งช่วยเซฟค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีให้คึกคัก.
ลมกรด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ