“จะขอให้ตำรวจเดิมที่เป็นพนักงานสอบสวนตั้งเป็นพนักงานสอบสวนร่วมทำสำนวนเพื่ออำนวยความยุติธรรม ถ้าไม่เป็นหลัก ไม่เป็นมืออาชีพ เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ”
บางส่วนความคิดเห็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กับรูปแบบการทำคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ของตำรวจสอบสวนกลางหรือ CIB ย้ำว่า “ตำรวจทำคดีมาดีแล้ว มีพนักงานสอบสวนที่มีศักยภาพ”
เชื่อมั่นตำรวจสอบสวนกลาง
แม้คดีจะถูกโอนเข้ามาที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ต.อ.ทวี ขอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พนักงานสอบสวนชุดเดิมที่ทำคดีเข้ามาเป็นพนักงานสอบสวน จะได้ไม่มีรอยต่อ
รูปแบบความซับซ้อนคดี “ฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่-ฟอกเงิน” จำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานทางด้านการเงินและทางบัญชี สอบปากคำผู้เสียหาย ผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายเกี่ยวข้องจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
ฝ่ายผู้ต้องหาใช้ทนายที่มีความรู้เข้ามาต่อสู้ในเชิงข้อกฎหมาย เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจาก “บอส” ที่อยู่ภายในเรือนจำให้ทนายเป็นตัวแทนฟ้องร้องดำเนินคดี กดดันการทำคดี และเรียกร้องความยุติธรรมกลุ่มผู้ต้องหา
ท่ามกลางข่าวลือข่าวปล่อยทำความสับสนจากหลายฝ่ายอ้างเป็น “พลเมืองดี” มาร่วมด้วยช่วยตรวจสอบ ปล่อยชื่อโยงคนอื่น ปรักปรำ “คนนอก” มาเกี่ยวข้อง ไม่รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ยิ่งทำให้คดียุ่งยาก
ความเสียหายใครรับผิดชอบ
ล่าสุดคนให้ข่าวว่า ตำรวจกองปราบปราม เรียกรับเงินจาก “โค้ชแล็ป” 9 ล้านบาท ทำความเสียหายตำรวจ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ซึ่งรับผิดชอบคดีออกมายืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง เพราะสอบถามบอสพอล และโค้ชแล็ปแล้ว เรื่องนี้กองปราบปรามเสียหาย”
สรุปคนให้ข่าวหวังผลอะไร ทั้งที่รู้ว่าตำรวจสอบทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา
ปล่อยข่าวแบบนี้ ทำสังคมสับสน.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ