ผลการประชุม ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้ง “โผนายพล” ผบช.- รอง ผบ.ตร. เห็นขบวนการแต่งตั้ง และรายชื่อที่ออกมาทำให้เห็นทิศทางฝ่ายตำรวจต่อรอง “ตั๋วการเมือง” ได้มากขึ้น ย้อนกลับไปในคำสั่งโยกย้ายสมัยเก่า

เริ่มกลับมา

คนที่เป็น ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. มีบทบาทมากขึ้น ได้ใช้อำนาจผู้บริหาร “บอร์ดกลั่นกรอง” ทำข้อมูลให้ความเห็นทั้งผู้ที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม และอีกบทบาท “ก.ตร.” ลงความเห็นชอบ ในการแต่งตั้งตัวบุคคล

การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นอีกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้ตำรวจทั่วประเทศเห็นว่า “บอร์ดกลั่นกรอง” ที่มี รอง ผบ.ตร. และ ผบ.ตร. มีผลต่อการแต่งตั้งที่ประชุม ก.ตร.ให้คุณให้โทษตำรวจ

ตำรวจมองข้ามไม่ได้

ตำรวจจะต้องกลับมาให้ความสำคัญ ผบก. ผบช. รอง ผบ.ตร. และ ผบ.ตร. ที่มีบทบาทในขบวนการแต่งตั้งตามกฎหมาย พร้อมทำงานตามคำสั่ง ไม่ใช่ไปเดินตาม “นักการเมือง” หรือ “คนนอก” เพื่อให้ลงตั๋วฝากลงมา

ทำให้อำนาจผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น มีความสำคัญขึ้นมา ตำรวจเดินตามร่องตามรอยขึ้น ที่สำคัญคนที่ไม่ทำงานเอาแต่วิ่งเต้น คนรู้ดีคือ รอง ผบ.ตร. ผบช. และ ผบก. แต่ก่อนพูดไปเสียงไม่ดัง ไม่มีใครฟัง เพราะฟังแต่ “ตั๋วฝาก” ของผู้มีอำนาจที่ให้คุณให้โทษได้ แต่ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป เสียง “ก.ตร.” และ “บอร์ดกลั่นกรอง” ดังขึ้นมา

เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในการแต่งตั้งตำรวจยุคนี้ แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่ “กฎเกณฑ์” มองแค่ความอาวุโสไม่ได้ งานตำรวจยุคสมัยใหม่ต้องใช้ ดาวรุ่ง คนทุ่มเททำงาน คนที่มีผลงาน มีวิสัยทัศน์ เข้ามาเป็นผู้นำหน่วย

 เป็นหน้าที่ ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และ ก.ตร. อดีตตำรวจเก่า ใช้โอกาสนี้เลือกคนมาทำงาน พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 กำหนดอาวุโสส่วนแรก อีกส่วนเป็นเรื่องคนที่มีความรู้ความสามารถ มีผลงาน เพื่อให้ได้คนทำงาน

วางตัว คนรุ่นใหม่–ผลงาน–อาวุโส ให้เหมาะสมกับตำแหน่ง หน้าที่ สัดส่วนที่ลงตัวให้งานไปได้

ไม่ใช่ “อาวุโส” แต่ไม่มีคนทำงาน.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม