“เลขาฯเพื่อไทย” กร้าว ขู่ตะเพิด “พล.อ.พิศาล” พ้นพรรคเพื่อไทย หลังกบดานนิ่งไม่ออกมามอบตัวตามหมายจับในคดี “สลายม็อบตากใบ” ผบ.ตร.ขึงขัง เร่งส่ง “หมายแดง” ให้อินเตอร์โพลล่าตัวทั่วโลก จ.นราธิวาส จัดนิทรรศการ “ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ” รำลึกความเจ็บปวดผ่านสิ่งของแทนใจ นับถอยหลังเหลือแค่ 13 วัน ครอบครัวผู้สูญเสียยังคาดหวังให้จำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หวั่นรัฐเพิกเฉยจะโหมกระพือไฟใต้รุนแรงขึ้น
สังคมยังจับตาคดีเกี่ยวเนื่องกับเหตุสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 คดีแรกศาลออกหมายจับ 7 จำเลยเบี้ยวนัดคำให้การ และคดีที่ 2 อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ 8 ราย ทั้ง 2 คดีกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งหมดยังคงหลบหนี ตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมได้แม้แต่คนเดียว ทำให้เกิดความกังวลว่าคดีนี้อาจเป็นการโหมกระพือไฟใต้ให้กลับมาลุกโชนรุนแรงอีกครั้งหรือไม่
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส ได้จัดกิจกรรมนิทรรศการ “ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ” สัญจรนราธิวาส จัดโดยพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุชายแดนใต้ เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.นี้ ภายในงานมีกิจกรรมปักผ้าและการเสวนาดูแลความสูญเสีย จากเหตุสลายม็อบหน้าโรงพักตากใบ ปี 2547 มีการรวบรวมวัตถุพยานจากในที่เกิดเหตุ และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ญาติยังคงเก็บรักษาไว้ อาทิ “แก้วของพ่อ” “ธนบัตรเปื้อนเลือด” “ชุดโต๊ปวันรายอที่ไม่ได้ใส่” นำมาจัดแสดงสื่อสารเล่าเรื่องราว ยืนยันถึงความทรงจำอันเจ็บปวดที่ไม่อาจลบเลือนไปจากจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสีย และเพื่อระลึกถึงคนรักที่จากไปตลอดกาล รวมทั้งการแสดงความรู้สึกของผู้คนในพื้นที่ต่อการกระทำอันเลวร้ายของเจ้าหน้าที่รัฐ
น.ส.วลัย บุปผา ภัณฑารักษ์นิทรรศการตากใบ คณะทำงานพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุชายแดนใต้ The Deep South Museum and Archives กล่าวว่า นิทรรศการ “ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ” สัญจรนราธิวาส จัดขึ้นครั้งแรกปี 2566 มีความทรงจำผ่านวัตถุ และสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ “แก้วของพ่อ” เกิดขึ้นจากลูกสาวจำได้ว่าทุกเช้าแม่จะตื่นมาต้มน้ำร้อนชงชาให้พ่อดื่ม พ่อจะกินน้ำชาก่อนออกไปทำงานที่สวน แก้วน้ำชาใบที่นำมาจัดแสดงนี้ เป็นแก้วน้ำชาของพ่อ หลังจากที่พ่อเสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ ลูกสาวได้เก็บไว้ในตู้ไม่ได้นำออกมาใช้ อีกเลยตลอด 20 ปี เพื่อรำลึกถึงการจากไปของพ่อ หรือเรื่องโสร่งและชานบ้าน รวมทั้งรวงข้าวที่เก็บมา 23 ปีตั้งแต่เริ่มต้นแต่งงาน เพราะเป็นข้าวแรกจากผืนนาที่ภรรยาร่วมปลูกกับสามี ก่อนที่สามีจะเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
“ในนิทรรศการนี้ยังแสดงให้เห็นถึงผู้จากไปที่อายุน้อยที่สุดคือ “อิมรอน” อายุ 16 ปี ตอนนั้นอิมรอนยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา วันเกิดเหตุเขาออกไปตลาดตากใบเพื่อซื้อเสื้อรายอตัวใหม่ ขอเงินพี่ชายไป 800 บาท ครอบครัวเก็บเสื้อของน้องไว้เพราะอิมรอนจะได้ใส่ในพิธีรายอปีนั้น แต่ต้องมาจากไปก่อนวัยอันควร ส่วนธนบัตร 100 บาทเปื้อนเลือดนี่คือหลักฐานของความคิดถึงของน้องชายคนเล็กสุดของบ้าน ขณะเดียวกันยังเป็นหลักฐานของความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนในพื้นที่ด้วย” น.ส.วลัยกล่าว
นางสีตีรอยะ สาและ อายุ 58 ปี ผู้สูญเสียสามี นายมาหะมะ เล๊าะบากอ อายุ 44 ปี (ขณะเสียชีวิต) เล่าว่า หลังจากที่สามีเสียชีวิต ตนต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ทำงานรับจ้างส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนหนังสือ และต้องดูแลลูกคนหนึ่งที่ป่วยติดเตียงมา 3 ปีแล้ว ตอนนี้แบกรับภาระไว้คนเดียว ในส่วนของคดี ถ้าได้สู้ก็จะสู้ ขอแค่ความยุติธรรมอย่างเดียว ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก รู้ว่าฟ้องไปก็ทำอะไรเขาไม่ได้ จำเลยยังไม่ได้ถูกจับแม้แต่คนเดียว คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ในฐานะประชาชน อยากให้มีความยุติธรรม เพื่อไม่ให้สถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงขึ้นมาอีก
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีผู้ต้องหาคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ และ 1 ในนั้นมี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ทำหนังสือสภาผู้แทนราษฎร ไปรักษาตัวที่ต่างประเทศว่า หลังจากตำรวจได้รับหมายจับ ได้ประกาศสืบจับ และทำหนังสือเวียนแจ้งตำรวจทุกภาค ตำรวจภูธรภาค 9 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนธุรการครบในการประกาศสืบจับ และได้แจ้งให้ทุกกองบัญชาการ ตรวจค้นตามภูมิลำเนาผู้ถูกออกหมายจับทุกที่ นำสื่อมวลชนไปด้วยเพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานของตำรวจว่าไม่ได้ปล่อยปละละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่ยศสูงได้ดำเนินการเหมือนกันหมด ขณะนี้ได้ประสานกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งออก “หมายแดง” และประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ยังรับราชการอยู่ ตอนนี้ก็หลบหนีเช่นกัน
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า สิ่งที่พรรค พท.อ้อนวอนอยากให้ พล.อ.พิศาลกลับมาสู้คดี แต่ถ้าเขากลับมาหลังจากคดีขาดอายุความแล้ว ยืนยันว่าพรรค พท.จะมีมาตรการออกมาแน่นอน สุดท้ายอาจต้องขับออก ยืนยันพรรคพท.ไม่ได้อุ้ม พล.อ.พิศาล เพราะในส่วนของพรรค ทำอย่างเต็มที่ พยายามอย่างยิ่งเพื่อให้กลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อวิพากษ์ วิจารณ์ว่าพรรคไม่ดำเนินการอะไร นายสรวงศ์กล่าวว่า ต่อให้ขับออกจากพรรค เขาก็ยังเป็น สส.อยู่ เราไม่อยากให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน และในส่วนของพรรค ยังพยายามติดต่อให้กลับมาสู้คดี ตอนนี้ตนยังไม่สามารถติดต่อ พล.อ.พิศาลได้เลย
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ