อาเข้าแจ้งความดำเนินคดี ขอความช่วยเหลือให้ตำรวจช่วยติดตามตัวหลานสาว วัย 11 ปี หลังถูกพ่อแท้ๆ ลักพาตัว หวั่นหลานโดนทำร้าย
จากกรณีญาติโพสต์ตามหา “น้องซี” เด็กอายุ 11 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ลักพาตัวออกไปจากหมู่บ้านพูนสินธานี 3 เวลาประมาณ 15.00 – 18.00 วันที่ 21 ธันวาคม 2567 โดยคาดว่าหนีไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา และกบดานใกล้สถานีตำรวจภูธรฉะเชิงเทรานั้น
วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 ที่ สน.ร่มเกล้า นางสาว “นา” (นามสมมุติ) ซึ่งมีฐานะเป็นคุณอาของ “น้องซี” ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและขอความช่วยเหลือตำรวจในการติดตามหาตัว “น้องซี” (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี หลานสาวที่ถูกนายพล (นามสมมุติ) ผู้เป็นบิดาแท้ๆ ของน้องซีลักพาตัวออกจากบ้านไป
โดย น.ส. “นา” กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายพล พี่ชายคนโต เพราะว่าเขาพาหลานออกไปจากบ้าน ซึ่งหลานของตนมีอาการระแวงพ่อเพราะเคยโดนพ่อทำร้ายร่างกายทุบตีหนัก ล่าสุดตนพาหลานไปหาหมอ คุณหมอบอกโดนจนข้างหลังช้ำต้องกินยาระงับปวดอย่างแรง คาดสาเหตุที่พี่ชายมาเอาหลานไปเพราะว่าพี่สะใภ้ที่อยู่ในเรือนจำไม่ยอมออกมาเจอหน้า เขาก็จะเอาลูกไปเพื่อที่ว่าให้ทางเรือนจำแจ้งว่าลูกสาวมาเยี่ยม แต่ก็ไม่รู้ว่าเจตนารมณ์เขาคือจะทำอะไรกับน้องหรือเปล่า เพราะน้องระแวงไม่กล้าเข้าหาพ่อ เวลานอนกลางคืนก็ต้องล็อกห้องเลย เพราะระแวงว่าพ่อจะมาเอาตัวไป และเวลาเขาโมโหจะทำร้ายร่างกายและใส่อารมณ์ น้องกลัวพ่อมาก เมื่อคืนตนก็โพสต์ตามหา แต่ญาติทุกคนก็บอกว่าไปแจ้งความมั้ย บอกไปว่ารอให้รู้ก่อนว่าไปอยู่ตรงไหนยังไง
ที่ผ่านมา ทางลูกสาวที่อยู่ต่างจังหวัดช่วยโพสต์ในเฟซบุ๊กแล้ว มีคนแจ้งเบาะแสว่าน่าจะหัวค่ำประมาณนี้มีคนเจอตกปลาอยู่แถวริมแม่น้ำตัวอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ตอนค่ำดึกๆ หน่อยมีคนเจอในผับที่อำเภอพนมสารคาม แต่ว่าช่วงเช้านี้มีคนบอกแล้วว่าพ่อน้องพาออกมาจากพนมสารคามน่าจะเช้ามาที่แปดริ้ว แต่เจตนารมณ์ไม่รู้ว่าพาไปผับทำไมเพราะน้องอายุ 11 ปี ข้อมูลล่าสุดคือมีคนเจอที่ผับเมื่อคืนที่มีคนแจ้ง แต่ว่าตอนนี้คนในกลุ่มจังหวัดฉะเชิงเทราช่วยกันแชร์โพสต์ต่อๆ กันไป ลูกก็ยังไม่ได้บอกว่ามีใครแจ้งเบาะแสมาเพิ่มเติม นอกจากที่ไปผับเมื่อคืน
“ทีแรกไม่ได้อยากจะแจ้งความ แต่น้องเคยพูดอยู่ว่าก่อนหน้านี้พ่อจะมารับตัวไปแต่น้องไม่ยอมที่จะไป น้องบอกว่าหนูจะไปกับอาเท่านั้นถ้าจะไปเยี่ยมแม่ที่เรือนจำ น้องไม่ไว้ใจพ่อ” น.ส. นา กล่าว
น.ส. นา กล่าวอีกว่า พ่อของน้องเข้ามาเอาตัวไปเลยโดยที่หลานก็ไม่ได้บอกเลยว่าพ่อจะพาไปเมื่อวานนี้ เพราะคุยกับหลานแล้วจะพาไป บอกป๊าว่าหนูไม่ไปหนูรออากับตาเงินเดือนออกก่อนแล้วค่อยไปเยี่ยมแม่ พูดเหมือนทำนองว่ายื้อเวลาออกไปไม่อยากไปกับพ่อ จะพูดปฏิเสธไปตรงๆ ก็กลัวเพราะพ่อขู่ทำร้าย จริงๆ แล้วจะเอาความผิดเลยตามกฎหมายยังไม่มีข้อที่จะเอาผิดได้เลย คือเราไม่มีหลักฐานว่าพาน้องไปแล้วทำร้ายร่างกายน้องหรืออะไร ต้องไปตรวจร่างกายแล้วมาแจ้งความถึงจะเป็นคดีอาญา
ประเด็นคือที่แจ้งไว้กลัวว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องบอกว่าเมื่อปีที่แล้วตอนที่น้องอยู่กับพ่อแค่สองคนที่บ้าน ที่มาอยู่เพราะคุณย่าเสีย น้องก็โดนพ่อทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ได้ไปขอใบรับรองแพทย์เพราะไม่ได้ไปตรวจแล้วเอาใบรับรองมายื่นเพื่อเป็นคดีอาญา
ตำรวจบอกว่าตามหลักที่เป็นพ่อลูกกันก็ไม่อยากจะรับ แต่อย่างน้อยก็ควรลงบันทึกประจำวันให้ไว้เป็นหลักฐาน อย่างน้อยถ้าเรามาแจ้งถ้าเรามาบอกว่าน้องเคยโดนกระทำเกิดเหตุ ณ วันนี้ๆ พอเกิดเหตุการณ์ซ้ำจะได้เป็นข้อมูลที่เอามายืนยันได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นการกล่าวหาลอยๆ แล้วเราก็ไม่มีพยานบุคคลหรือหลักฐานที่เป็นภาพกล้องวงจรปิดที่สามารถเอามาแจ้งจับได้เลย
แต่คิดว่าลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนแล้วมันก็เกิดเรื่องจริงๆ จะได้มีน้ำหนัก และได้แนะนำว่าให้ไปรึกษากับหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง เนื่องจากพี่สะใภ้ติดเรือนจำพิพากษามาแล้ว 2 ปีกว่า เวลาหลานเข้าโรงเรียนจะมีการเซ็นเอกสารผู้ปกครอง ทำให้ไม่สะดวก
อย่างไรก็ตาม หากมีรายละเอียดของทางฝั่งพ่อแท้ๆ เพิ่มเติม จะรายงานให้ทราบต่อไป.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ