ฝากขัง “สามารถและแม่” แล้ว ศาลให้ประกันแค่แม่ ส่วน “สามารถ” ถูกคุมเข้าเรือนจำ อธิบดีดีเอสไอแจง ทั้งคู่ให้การปฏิเสธและเตรียมชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นเอกสารภายใน 15 วัน ยันมีหลักฐาน “สามารถ” ใช้บัญชีแม่ผ่านเงินกว่า 100 ล้าน ช่วงปี 64-66 เร่งตรวจสอบโอนต่อให้ใคร ด้าน “ทนายวิฑูรย์” ร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย เผยระหว่างคุมตัวไปศาล “สามารถ” ลั่น “อยากพูดแต่พูดไม่ได้” ส่วนแม่โวยหน้าสื่อ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม” พร้อมยัดกระดาษเขียนด้วยลายมือให้นักข่าวถึง 8 ข้อเท็จจริง คนใกล้ชิดป้อง “บิ๊กป้อม” ไม่มียกหูช่วยเคลียร์ “สามารถ”

กรณีตำรวจภาค 5 จับกุมนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ที่วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย ขณะเจ้าตัวบินมาไหว้พระ หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ขอศาลอาญาออกหมายจับพร้อมนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ ผู้เป็นแม่ ที่ถูกจับที่บ้านพักใน กทม. และนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับพร้อมพวกรวม 18 คน ถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างฝากขัง ในคดีฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” โดยนายสามารถเป็นบุคคล 1 ในคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าเป็นนักการเมือง “ส.” รีดเงิน ดิ ไอคอน กรุ๊ป ในช่วงแรกๆ แต่ทนายของ “บอสพอล” ออกมาระบุว่า ลูกความไม่ได้ต้องการดำเนินคดีเพราะเงินที่โอนให้กันเป็นเงินยืมและทำบุญ ตามที่เสนอ ข่าวไปนั้น

พาชิ่งสื่อที่ปักหลักทำข่าว

ความคืบหน้าหลังนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ถูกจับกุมได้ที่ จ.เชียงราย เมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 25 พ.ย. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอควบคุมตัวนายสามารถ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน เดินทางจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3206 มายังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยนายสามารถยังอยู่ในชุดเดิมตอนถูกจับ สะพายกระเป๋าข้างสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ และใส่หน้ากากอนามัยสีขาวปิดบังใบหน้า ทันทีที่มาถึงอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ได้ขับรถพานายสามารถหลบสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวไปด้านหลังอาคาร

ทีมทนายรุดฟังการสอบสวน

ขณะที่นายสันติ วิชัยพล และนายสุวัฒน์ เมฆหมอก ทีมทนายความนายสามารถ เผยว่า ทันทีที่นายสามารถถูกจับที่ จ.เชียงราย ได้ประสานให้มาพบกันที่ดีเอสไอ ที่มาวันนี้ถือเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายในการเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำของพนักงานสอบสวน ก่อนหน้านี้ตนกับทนายความในทีมได้พูดคุยหาแนวทางต่อสู้คดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้ นายสามารถได้ติดต่อตนตั้งแต่ปรากฏคลิปเสียงว่าไปเรียกรับเงินจากบอสพอลแล้ว

“ทนายวิฑูรย์” ร่วมแจมด้วย

มีรายงานว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีเดียวกับนายสามารถและนางวิลาวัลย์ เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุเพียงว่าได้รับความไว้วางใจจากนายสามารถให้เข้าร่วมฟังการ สอบสวนครั้งนี้ด้วย ก่อนจะเดินขึ้นอาคารไป เบื้องต้นมีรายงานว่าชั้นจับกุมนายสามารถให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ดีเอสไอแถลงก่อนฝากขัง

กระทั่งเวลา 11.00 น. วันที่ 26 พ.ย. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และนายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีควบคุมตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดา 2 ผู้ต้องหา ร่วมกันและสมคบกันฟอกเงินอาญา กรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ก่อนจะนำทั้งคู่ฝากขังศาลอาญา

2 แม่ลูกปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.เวลา 23.00 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายสามารถ มาสอบปากคำตามกระบวนการ มีการแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหารับทราบ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอยื่นคำให้การแก้ข้อหาภายใน 15 วัน โดยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน แต่ เป็นลักษณะการยืมเงินและเงินทำบุญตามที่มารดาได้ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกัน หลังสอบสวนเสร็จสิ้นจะนำตัวฝากขังศาลอาญาทันที

อ้างเป็นเงินกู้ยืม-ทำบุญ

สำหรับเส้นทางการเงินที่โอนจากนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล 2.5 ล้านบาท มายังนายสามารถและแม่อ้างว่าเป็นค่าดูแล ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและทราบเข้าใจข้อกล่าวหาแล้ว ระบุว่าได้จากการทำบุญและเป็นเงินกู้ยืมที่ยืมจากบอสพอล แต่ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลว่ากู้ยืมไปใช้ทำอะไร เป็นสิทธิ์ผู้ต้องหาที่จะไม่ให้การหรือให้การอย่างไรก็ได้เพื่อแก้ข้อกล่าวหา หากไม่รับสารภาพอ้างเหตุผลเป็นเรื่องปกติ ส่วนเส้นทางการเงินจะไปเชื่อมโยงบุคคลใดนั้น ชั้นสอบสวนพบคนที่เกี่ยวข้องเป็นบุคคล ที่ออกหมายจับ

สอบที่มาเงิน 100 ล.ช่วงปี 64-66

อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า สำหรับความเชื่อมโยง ทางการเงินกับบุคคลอื่นๆเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับและบุคคลที่ต้องสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติมคือ นาย กลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ที่มีเงินโอนมาประมาณ 5 แสนบาท ส่วนบุคคลอื่นหรือเงินที่มาจากแหล่งอื่นโอนเข้ามากว่า 100 ล้านบาทในบัญชีแม่นายสามารถ อยู่ระหว่างสอบสวนพบว่าเกิดในช่วงปี 64-66 ส่วน น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช จะเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินหรือไม่ยังไม่ปรากฏข้อมูล

บัญชีชื่อแม่แต่ผู้ใช้คือลูก

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวต่อว่า ส่วนหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการฟอกเงิน เป็นการรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดลักษณะมีเจตนาปิดบังอำพรางเพราะเชื่อว่านายสามารถเป็นผู้ใช้บัญชีนี้ แต่มีการโอนเงินผ่านมาบัญชีมารดาเสมือนปกปิดอำพราง ตามพยานหลักฐานบัญชีเป็นมารดา แต่ผู้ใช้บัญชีคือ นายสามารถ รวมถึงมีคลิปเสียงพยานบุคคลยืนยัน พร้อมกับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในสำนวน ดีเอสไอเตรียมเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาบอสพอลในเรือนจำ มูลความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มในเร็วๆนี้ด้วย

ค้านประกัน “สามารถ” และแม่

อธิบดีดีเอสไอเผยต่อว่า ระหว่างสอบปากคำมารดาของนายสามารถ มีความเครียดเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ส่วนตัวนายสามารถก็มีความเครียดเช่นกัน ส่วนคำให้การยังไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน อีกทั้ง บัญชีแม่นายสามารถเป็นหนึ่งในอีกหลายๆบัญชีม้าหรือไม่นั้นก็อาจเป็นไปได้ นายสามารถจะโอนถึงใคร บ้างอยู่ระหว่างตรวจสอบ พนักงานสอบสวนมีมติร่วมกันแล้วว่าจะคัดค้านการประกันตัวนายสามารถ และมารดา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีพฤติการณ์ต่างๆ ที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

แม่ “โวย” ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ต่อมาเวลา 12.20 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษควบคุมตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ แม่นายสามารถ 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ระหว่าง ควบคุมตัวนางวิลาวัลย์ขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามมีอะไรจะพูดหรือไม่ นางวิลาวัลย์ตะโกนออกมาว่า “ไม่ได้รับความเป็นธรรม” ส่วนนายสามารถพูดออกมาระหว่างที่ควบคุมตัวขึ้นรถยนต์ว่า “อยากพูดแต่พูดไม่ได้” ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกควบคุมตัวและขึ้นรถยนต์ไปยังศาลอาญารัชดา

ยัดเอกสารใส่มือนักข่าว

นอกจากนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนางวิลาวัลย์ขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสอบถามจนเกิดการชุลมุน นางวิลาวัลย์ได้นำเศษกระดาษขนาด A4 ที่มีข้อความบางอย่างยัดใส่มือนักข่าว เอกสารดังกล่าวด้านหน้าคือเอกสารบันทึกแจ้งคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว มีข้อความว่า ตามที่นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ 115/2567 กรณีกลุ่มผู้บริหารและเครือข่ายของบริษัทเบียร์คอนกรุ๊ป จำกัด มีพฤติการณ์ กระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ยื่นคำร้องให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในชั้นสอบสวนเสนอต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 25 พ.ย. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 ได้ร่วมประชุมพิจารณาและมีมติไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1 (2) ขอแจ้งคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมให้นางวิลาวัลย์ ผู้ต้องหาทราบ ลงชื่อ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 115/2567

เขียนด้วยลายมือ 8 ข้อเท็จจริง

ส่วนด้านหลังกระดาษแผ่นดังกล่าว มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือ ระบุเป็นข้อๆว่า 1.เรื่องเกิดปี 64 ตอนนั้น ดิ ไอคอน กรุ๊ป ยังไม่มีปัญหาธุรกิจ เงินที่ได้มาทำบุญกับกู้ยืม พอลก็ได้เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าได้คืนหมดแล้ว ได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว 2. ใครคือผู้เสียหาย 3.จะฟอกเงินได้อย่างไร 4.ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนกลั่นแกล้ง 5.ไม่มีส่วนรู้เห็นในธุรกิจ ดิ ไอคอน เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว 6.จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อย่างไร 7.จะขอต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ 8. ถ้าต้องโทษจนถึงตายก็ถือว่าประเทศไทยไม่มีความยุติธรรม

ยื่นคำร้องฝากขังแจงพฤติกรรม

ต่อมาที่ศาลอาญา พนักงานสืบสวนกรมสอบสวน คดีพิเศษ คุมตัวนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ในคดี ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1), (3) มาตรา 9 และมาตรา 60 ไปยื่นคำร้องผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ 1 คำร้องระบุตอนหนึ่งว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบมีการโอนเงินจากบัญชี บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และบัญชีเงินฝากของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ต่อมามีข้อเท็จจริงว่าได้โอนเงินไปยังบัญชีนางวิลาวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 15 ครั้ง รวมเงิน 2,589,999 บาท และโอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากนายสามารถ 14 ครั้ง เป็นเงิน 475,000 บาท โดยมูลนิธิทนายประชาชนฯ ได้ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายสามารถพร้อมกับส่งคลิปเสียงจำนวน 2 คลิป เป็นไฟล์เสียงสนทนาระหว่างนายวรัตน์พล และนายสามารถ

เผยข้อมูลธุรกรรม บช.2 แม่ลูก

เมื่อพนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารและธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้อง พบข้อมูลบัญชีเงินฝากนางวิลาวัลย์มีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61-28 ต.ค.67 พบการทำธุรกรรมผ่าน บัญชีหลักร้อยล้านบาทเป็นการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 103,813,577.04 บาท และรับโอนเงินจากบัญชีอื่น 88,894,306.46 บาท ตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ 5 บัญชี พบยอดเงินในบัญชีมากกว่า 14 ล้านบาท มีการโอนเงินจากนายวรัตน์พล 2.5 ล้านบาท และรับโอนเงินจากผู้ต้องหารายอื่นเป็น 1 ในผู้เกี่ยวข้องกับ บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป อยู่ระหว่างสืบสวน

เข้าข่ายรับโอนปกปิดทรัพย์สิน

ตรวจสอบการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของนางวิลาวัลย์ไปบัญชีเงินฝากของนายสามารถเป็นเงินรวมกว่า 34 ล้านบาท เมื่อปรากฏธุรกรรมการโอนเงินหมุนเวียนจำนวนหลักร้อยล้านบาทของนางวิลาวัลย์ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลการยื่นแบบแสดงการเสียภาษีของกรมสรรพากร การกระทำของนายวรัตน์พล นางวิลาวัลย์ และนายสามารถ เป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการรับโอนเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดที่มา หรือเพื่อช่วยผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำผิด ไม่ให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง การกระทำของผู้ต้องหา ที่ 1-2 เป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนยังไม่เสร็จ สิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 30 ปาก รอผลพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาที่ 1-2 เจ้าหน้าที่สอบสวนจำเป็นต้องขอหมายขังผู้ต้องหาที่ 1-2 ไว้ระหว่างการสอบสวน มีกำหนด 12 วัน นับตังแต่วันที่ 26 พ.ย.-7 ธ.ค.67

แนบคำร้องคัดค้านประกันตัว

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับ มีการกระทำที่ลักษณะเป็นเครือข่าย และบุคคลทั้ง 3 รายเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกัน มีผู้เสียหายจำนวนมากหากให้ประกันตัวเกรงว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานฟอกเงิน โดยนายสามารถ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นบุคคลที่เคยมีตำแหน่งทางการเมือง เป็นบุคคลกว้างขวางมีความใกล้ชิดกับบุคคลที่มีอำนาจมีศักยภาพ ทางการเงินสูง เชื่อว่าปล่อยตัวผู้ต้องหาไปจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

พบการบิดเบือนหลักฐานในคดี

ในคำร้องระบุด้วยว่า อีกทั้งพบว่าภายหลังจากมีคลิปเผยแพร่การสนทนาระหว่างนายวรัตน์พล ผู้ต้องหาตามหมายจับ และนายสามารถ ผู้ต้องหาที่ 2 เรื่องการเรียกรับเงินกรณี บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด หลังจากนั้นทนายของผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับกรณีการเรียกรับเงินดังกล่าวเป็นการโอนเงินระหว่างนายวรัตน์พล กับผู้ต้องหาที่ 1 ก่อนจะโอนไปยังผู้ต้องหาที่ 2 ว่าเป็นเงินฝากทำบุญและการกู้ยืมเงิน เป็นการเตรียมการให้การเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในคดี และผลจากการตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหา
ที่ 2 มีการจัดเตรียมพยานหลักฐานชี้แจงแก่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อันอาจสร้างความสับสนหลงประเด็นต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน หากอนุญาตให้ปล่อย ชั่วคราวผู้ต้องหา 1-2 อาจพากันหลบหนีได้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว ไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขัง

แม่รอด-ลูกนอนเรือนจำ

ขณะเดียวกัน ทีมทนายความนายสามารถได้ให้ข้อมูลว่า ได้ยื่นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวทั้ง 2 คน เป็นโฉนดที่ดินรวม 1.2 ล้านบาท ใช้หลักทรัพย์ชุดเดียวกันในการประกันตัวทั้งคู่ โดยนายสามารถไม่ได้มีความเครียด แต่ยังยืนยันว่าคดีนี้เป็นเพราะเรื่องทางการเมืองมากกว่า พฤติการณ์ของคดีไม่มีความร้ายแรง เส้นทางการเงินก็ไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 64 พร้อมแสดงความเป็นห่วงแม่ที่มาถูกดำเนินคดีด้วย อยากให้ได้รับการประกันตัวไปก่อน เนื่องจากอายุมากแล้วและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เงินดังกล่าวก็เป็นเงินทำบุญเท่านั้น
ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นางวิลาวัลย์ผู้ต้องหาที่ 1 ส่วนนายสามารถผู้ต้องหาที่ 2 ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง พร้อมออกหมายขังนำตัวนายสามารถไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร

ขอขมาถ้าล่วงเกินผู้มีอำนาจ

ภายหลังได้รับอิสรภาพ นางวิลาวัลย์กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนนายสามารถ ถ้าลูกของตนล่วงเกินผู้ที่มีอำนาจ ในฐานะแม่ขอเป็นตัวแทนกราบขอขมา ขออโหสิกรรม อย่าได้ถือสาเอาความลูกชายตนเลย อยากให้เขาได้กลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ แม้อาจจะมีความผิดพลาดไปบ้าง ทั้งนี้ ขอขอบคุณศาลอาญาที่ยังมีความเป็นธรรมให้ตนได้ประกันตัวออกมาสู้คดีจะขอสู้คดีจนถึงที่สุด และขอบคุณดีเอสไอที่ดูแลเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องคดีก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ตนและลูกชายจะขอสู้เพื่อความเป็นธรรม

รับคิดสั้นก่อนฝากขัง

นางวิลาวัลย์กล่าวว่า เมื่อวานตนคิดสั้น และชักเกร็งต้องเข้าโรงพยาบาล 1 คืน เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่งเข้าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เมื่อคืน ที่ผ่านมา และในช่วง 10.00 น.วันนี้ ที่ห้องขังดีเอสไอ ได้พยายามนำผ้าปูเตียงมาทำร้ายตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้เสียก่อน สุดท้ายนี้ขอให้ตนและลูกไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ได้ช่วยเหลือประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ส่วนเรื่องที่ได้นำเงินบอสพอลมาเมื่อปี 2564 มีหลักฐานว่ามีเงินส่วนหนึ่งนำไปทำบุญ บางส่วนนำไปปล่อยกู้ จากนั้นได้นำเงินส่วนนั้นให้นายสามารถไปคืนบอสพอล และบอสพอลเซ็นรับทราบเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2565 อีกทั้งวันนี้บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ยังไม่มีความผิดอะไร ศาลยังไม่ได้ตัดสิน อย่าไปโทษบริษัท เพราะผู้เสียหายอาจจะไม่รู้เรื่อง ทั้งตนและลูกชาย ตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้ด้วย

ทนายชี้ “สามารถ” มีพฤติกรรมหนี

ด้าน ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความกล่าวว่า เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายสามารถ เป็นเพราะว่าอัตราโทษร้ายแรงและจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน รวมทั้งนายสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี แต่จะอุทธรณ์เพื่อสู้คดี อาจจะเป็นภายใน 2 วันนี้ ส่วนเรื่องการขอไต่สวนนั้น ทางศาลไม่ได้ไต่สวน เพียงแต่อ่านคำสั่งประกันเท่านั้น หลังจากนี้จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

ปัด “บิ๊กป้อม” ยกหูช่วย “สามารถ”

ก่อนนี้เมื่อเวลา 12.20 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรค พปชร. ระบุคนในป่า โทร.ไปหาบุคคลคนหนึ่งให้ช่วยนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรค พปชร. หลังถูกออกหมายจับว่า ไม่ทราบรายละเอียด ไม่รู้จักนายสามารถ เคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยคุย เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนในป่าจะโทรศัพท์ไปจริงเพราะนายสิระอ้างคนที่ได้รับโทรศัพท์นั่งอยู่ข้างๆ พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ จากประสบการณ์ที่เห็นนายสามารถไม่ได้สนิทกับคนในมูลนิธิป่ารอยต่อ เมื่อถามว่า นายสิระอ้างว่าคนที่ต่อสายให้ช่วย เพราะจะถูกนายสามารถแฉ พล.อ.วิชญ์ร้องโอ๊ยและกล่าวว่า จะมีอะไรให้แฉ พล.อ.ประวิตรไม่เกี่ยวข้องเลย คนพวกนี้ จะวิ่งเข้าหาคนที่มีอำนาจ
เมื่อถามว่าในฐานะเป็นคนที่สนิท พล.อ.ประวิตร เคยคุยเรื่องนายสามารถให้ฟังหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “คุยเหมือนๆกับคนทั่วไป บอกไอ้ห่ามันทำอะไรแบบนี้ก็ว่ากันไป มันเป็นคนแบบนี้ทุกคนเขาก็เห็นอยู่แล้ว และเรื่องที่ว่าโทร.ไปไม่มีแน่นอน อย่าไปอ้างเพราะพี่ป้อมแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ใครพูดอะไรบางครั้งต้องรู้ว่าคนนั้นเขาเป็นใคร พูดอะไรมาน่าเชื่อถือหรือไม่ ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น”