“สมศักดิ์ เทพสุทิน” ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย เยี่ยมกลุ่มเปราะบางประสบอุทกภัย มอบถุงยังชีพ – เวชภัณฑ์ยา เผยเตรียมชงงบฯ 3,557 ล้านบาท เข้าครม.อังคารนี้ ทำผันน้ำฝั่งขวาแม่น้ำยม โอดโดนต้านทำเขื่อนทำแก้ปัญหายาก ขอโทษชาวบ้านต้องแก้เฉพาะหน้า แต่ไม่ท้อเดินหน้าทำต่อ กอดคอ ขอบคุณ “บิณฑ์ – เอกพันธ์” มาช่วยชาวบ้าน

วันที่ 28 ก.ย. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย เขต 1 นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สส.สุโขทัย เขต 2 นายนพพล เหลืองทองนรา สส.พิษณุโลก เขต 2 นายจเด็ศ จันทรา นพ.ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงพื้นที่ 4 จุด ของจังหวัดสุโขทัย ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยจุดแรกได้ลงพื้นที่ พบปะชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง กลุ่ม อสม. หมู่ 4 ตำบลตาลเตี้ย อ.เมือง จ.สุโขทัย ที่มารอ พร้อมกับมอบถุงยังชีพและเวชภัณฑ์ยาให้ประชาชนที่มารอ จากนั้นได้เดินลุยน้ำเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่สูญเสียบุคคลในครอบครัวในช่วงน้ำท่วม โดยได้ให้กำลังใจและระบุว่า รัฐบาลกำลังเร่งรัดเงินเยียวยาที่จะมอบให้กับผู้ประสบภัย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอโทษพี่น้องทุกคนที่น้ำท่วมอีกแล้ว เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปอีกสักระยะหนึ่ง ตนเป็น ส.ส. ตั้งแต่ปี 2526 เป็นมาตลอด ประชาชนก็เลือกให้ทุกครั้ง แก้ปัญหาให้พี่น้องตั้งแต่หนุ่มจนแก่ แต่ยังแก้เรื่องน้ำท่วมให้ไม่ได้เพราะต้นทางเขามีปัญหา เพราะหากจะสร้างเขื่อนต้องย้ายที่อยู่เขาก็เลยไม่เจรจา เวลาพูดถึงการสร้างเขื่อนใหญ่ในภาคเหนือ เขาจะปั้นหุ่นตนแล้วก็เผา เผาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ท้อ ท้อไม่ได้ เพราะพี่น้องยังเหนื่อย ยังลำบากและเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ตนได้หารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ปัญหาให้พี่น้องไปขอให้นายกฯ ตั้งกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด มีรองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาถาวร นายกฯ มาครั้งที่แล้วก็ทำตลิ่งนับรวมกันก็ประมาณ 20 กิโลเมตร

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีอังคารหน้า ตนจะเสนอของบประมาณ 3,557 ล้านบาท เพื่อมาทำโครงการระบายน้ำฝั่งขวาของแม่น้ำยมแก้ปัญหาให้คนสุโขทัย การก่อสร้างอาจจะไม่ได้เร็ว เมื่อทำแก่งเสือเต้นไม่ได้เราก็พยายามทำสองฝั่งแม่น้ำของเรา หากสามารถระบายน้ำออกไปจะช่วยแบ่งเบาภาระน้ำยมที่ไหลมาท่วมได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใครป่วยไข้เดือดร้อนก็แจ้งมาได้ และนายกฯ เป็นห่วงโรคน้ำกัดเท้า จึงได้นำยา “บาทาพิทักษ์” ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมาแจกจ่ายให้ทุกคน

จากนั้นได้เดินทางมาพบปะประชาชนที่สี่แยกท่าช้าง ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง โดยในจุดนี้นายสมศักดิ์ ได้พบกับนายบิณฑ์ และนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดง และอาสาสมัครกู้ภัยชื่อดัง ทันทีที่เจอกันได้สวมกอดกันอย่างสนิทสนม โดยนายสมศักดิ์ระบุว่า เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เตะฟุตบอลด้วยกันเสมอ วันนี้ขอขอบคุณทั้ง 2 คนที่มาช่วยพี่น้องชาวสุโขทัย ต่อมานายสมศักดิ์ พร้อมคณะนั่งเรือท้องแบนเข้าไปแจกถุงยังชีพและถุงเวชภัณฑ์ยากับสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นพร้อมสอบถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้าน ซึ่งยังมีหลายจุดมีกระแสน้ำเชี่ยว ทำให้การนั่งเรือเข้าไปยังต้องใช้คนลากจูง เพราะเมื่อวันที่ผ่านมาเกิดเรือคว่ำมาแล้ว

นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพรวมการแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นต้องมีเขื่อนใหญ่ของภาคเหนือ เพราะมวลน้ำที่ท่วมมีจำนวนมาก ถ้ามีเขื่อนใหญ่เบรกน้ำไว้ 1,000-2,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในต้นน้ำ ก็จะทำให้ระยะกลางอย่างสุโขทัย นครสวรรค์ ระยะปลายเข้าภาคกลาง กทม. ก็จะปลอดภัย ความเสียหายหลายพันล้านจะแก้ปัญหาได้ แต่การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่มีความพยายามกันมานานมากตั้งแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ก็มีม็อบต่อต้าน ผ่านมาหลายยุคก็ไม่สำเร็จ ตนคิดว่าการแก้ปัญหาโดยทำเขื่อนใหญ่ ต้องเข้าใจ เข้าถึง ชดเชยให้คนในพื้นที่อย่างเหมาะสม การทำเขื่อนอาจถูกกว่าการบำบัดดูแลกันปีต่อปี มั่นใจสร้างเขื่อนสามารถแก้ปัญหาได้ เคยทำท่วม 10 ครั้ง อาจเหลือ 1 ครั้ง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องรอการช่วยเหลือ การดำเนินการรัฐบาล ฝั่งซ้ายของแม่น้ำยมช่วงสุโขทัยมีโครงการเกือบสมบูรณ์แบบแล้ว งบประมาณพร้อมหมด กำลังทำการก่อสร้าง แต่ดูจากมวลน้ำที่มาทางเหนือของจังหวัดประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มาถึงสุโขทัยเหลือ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องทำแม่น้ำยมฝั่งขวาออกไปด้วย ถ้าไม่จัดการยอดน้ำที่ผ่านมา ไม่มีเขื่อนด้านเหนือ อาจไม่พอ จะต้องใช้เงินไปเรื่อยๆ เมื่อปี 54 ไทยสูญเสียเศรษฐกิจนับล้านๆ ทั้งโดยตรง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาการแก้ไขปัญหาที่ถาวร