“รองเต่า” เผยพนักงานสอบสวน ขอหมายจับ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” แล้ว แต่ศาลไม่ให้ เพราะเป็นแค่คดีพยายามฉ้อโกง โทษไม่เกิน 2 ปี เลยออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ถ้ามาจะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท “หนุ่ม-กรรชัย” และ “รมต.น้ำ” พ่วงไปด้วย ส่วนคดี “จ๊อบ-สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” เริ่มบาน ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินกว่า 100 ล้านบาท พบเส้นเงินไปถึงสาวคนสนิทอีกคน เรียกมาสอบปากคำแล้วให้ความร่วมมืออย่างดี เชื่อมีผู้เสียหายถูกรีดทรัพย์เพิ่มอีกหลายคน และเส้นเงินบางส่วนพันไปถึงโต๊ะพนันบอลออนไลน์ด้วย ยันไม่ได้กลั่นแกล้ง ขอให้เลิกอดข้าวประท้วง มาสู้คดีกันตามกฎหมายดีกว่า

การสืบสวนคลี่คลายบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาลอตแรกรวม 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้ว ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เพิ่มเติมกับ 18 บอสในเรือนจำไปแล้ว หลังจากนั้นมีการตรวจสอบกลุ่มรีดทรัพย์ เบื้องต้นดำเนินคดีไปแล้วหลายราย อาทิ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช สุวรรณวงศ์ ร่วมกับอดีตนักร้องดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ พยายามเรียกเงินดิ ไอคอนฯ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช กับแม่ มีเส้นเงินโอนจากบอสพอล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ย. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยกรณีพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ภายในเรือนกลางจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรื่องพฤติการณ์พยายามเรียกรับทรัพย์ของฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และ น.ส.กฤษอนงค์ เจ๊พัช สุวรรณวงศ์ เป็นเงิน 20 ล้านบาท ว่า เข้าข่ายความผิดเกี่ยวใดบ้าง โดยเฉพาะนายฟิล์ม-รัฐภูมิ ที่ยังไม่มีการแจ้งความผิดใดๆ และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ

พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนยังไม่มีการพิจารณาแจ้งข้อหาฟิล์ม-รัฐภูมิแต่อย่างใด ส่วนที่สัปดาห์นี้จะสามารถดำเนินการตามกรอบเวลาที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ระบุไว้ว่า ขอเวลา 10 วัน คือภายในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่นั้น แล้วแต่ความเหมาะสมของพยานหลักฐาน จะมีการประชุมกรณีนี้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น

มีรายงานด้วยว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สรุปสำนวนพร้อมเตรียมออกหมายเรียก ฟิล์ม-รัฐภูมิ ครั้งที่ 1 ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (2 ธ.ค.) เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐานพยายามฉ้อโกง หลังพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเข้าสอบปากคำ น.ส.ปัญจรัศม์ หรือบอสปัน กนกรักษ์ธนพร ในทัณฑสถานหญิงกลางแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จากพฤติการณ์ของฟิล์ม-รัฐภูมิ ประกอบกับคลิปการสนทนา รวมถึงคำให้การของบอสปันพบว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานพยายามฉ้อโกง สรุปให้ออกหมายเรียก ฟิล์ม-รัฐภูมิ มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ที่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบ.ช.ก. เผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พนักงานสอบสวนไปขออนุมัติหมายจับจากศาล แต่ศาลมองว่ากรณีนายรัฐภูมิเป็นเรื่องความผิดพยายามฉ้อโกงอัตราโทษ 2 ปี ไม่อนุมัติออกหมายจับ พนักงานสอบสวนจึงต้องกลับมาทำสำนวนคดีใหม่เพื่อขอหมายเรียก เข้าใจว่าตอนนี้พนักงานสอบสวนทำหมายเรียกออกไปแล้ว และคดีพยายามฉ้อโกงอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี จึงออกได้เพียงหมายเรียกเท่านั้น

ถามถึงคดีนายรัฐภูมิจะมีความผิดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ยังมีอีก 2 กรณีคือ กรณีหมิ่นประมาทนายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย และคลิปเสียงที่กล่าวอ้างถึง น.ส. จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตอนนี้กำลังทำไปพร้อมกัน หากนายรัฐภูมิเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกจะแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาทไปในคราวเดียวกัน สำหรับหมายเรียกนายรัฐภูมิตนจะกำหนดให้อยู่ภายในระยะเวลา 5 วันเท่านั้น หากไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และ 3 ก่อนจะออกหมายจับตามลำดับ

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสามารถ หรือจ๊อบ เจนชัยจิตรวนิช พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบ.ช.ก. เผยว่า จากการตรวจสอบยอดเงิน 100 กว่าล้านในบัญชีแตกไปในหลายเส้นทางการเงิน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พบร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีนายสามารถประมาณ 500,000 บาท จึงเรียกเป้าหมายคนดังกล่าวมาพูดคุยพร้อมนำหลักฐานมาแสดง เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ น่าจะแจ้งข้อหานี้กับนายสามารถอีกคดี บุคคลใกล้ชิดนายสามารถที่เรียกเข้ามาสอบปากคำให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บอกถึงเส้นเงินที่ตัวเขาเป็นคนถือบัญชี นายสามารถอ้างว่าเป็นเงินใช้หนี้ให้โอนเข้ามาในบัญชีนี้ พบว่าโอนเงินเข้ามา 2 ส่วนคือ บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่ใช่จากบอสพอล แต่เป็นหนึ่งในบอสของดิ ไอคอน ประมาณ 3 ล้านบาท ต้องตรวจสอบว่าเป็นการโอนเข้ามาเพราะบอสพอลเป็นคนสั่งหรือไม่ หากพิจารณาแล้วเป็นการเรียกรับตำรวจสอบสวนกลางจะเป็นคนสอบเอง แต่หากพบว่าโอนมาจากบริษัทดิ ไอคอนฯ จะเข้าข่ายคดีฟอกเงินเพิ่มอีก ตอนนี้ประสานดีเอสไอเพื่อสอบปากคำพยานดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ส่วนเงินในบัญชีอีกส่วนโอนเข้ามาจากผู้ประกอบการที่ถูกรีดไถ 500,000 บาทแจ้งความไว้แล้ว

“เราตรวจสอบพบเหตุลักษณะนี้กับอีกหลายคนและอีกหลายส่วน บางส่วนยังไม่ให้ความร่วมมือพยายามพูดคุย และพบเกี่ยวข้องกับคนในหลายแวดวงข้าราชการ หรือแม้แต่บุคคลที่บริษัทดิ ไอคอนฯ จ้างงาน มีเส้นเงินเชื่อมโยง ต้องตรวจสอบบัญชีอีกหลายส่วน ทั้งนี้ เส้นเงินที่เราแตกออกไปหลายส่วนอยู่ในจำนวน 100 กว่าล้านบาท เงินบางส่วนเราเห็นแล้วว่า น่าจะเป็นเงินที่มาจากการเล่นพนันบอล พบจากคนใกล้ชิดประมาณ 30 ล้านบาท และเสียไปประมาณ 50 ล้านบาท ยังเหลืออีก 50-60 ล้านบาท ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ดังนั้นตำรวจสอบสวนกลางต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่า เส้นเงินไปถึงใครบ้าง เพื่อพยายามเรียกบุคคลนั้นๆ เข้ามาสอบปากคำ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีทุกเรื่อง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ถามถึงกรณีนายสามารถระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจนอดข้าวประท้วง พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เราไม่อยากให้อดอาหารประท้วง ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการ กลั่นแกล้งและขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล หากมีพยานหักล้างก็ไม่จำเป็นต้องอดข้าว ขณะนี้ยังมีเวลาแก้ไข หากกระทำผิดต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้ การตรวจสอบเส้นเงินเป็นวิทยาศาสตร์ ผู้เสียหายมีอยู่จริง นายสามารถต้องยอมรับสภาพว่า สิ่งที่จะทำไว้ทิ้งหลักฐาน สิ่งเหล่านี้กำลังตามหลอกหลอนให้ต้องถูกดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง แต่นายสามารถเป็นบุคคลที่เราต้องการนำเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมาย และนำเข้าสู่สำนวนคดี เพราะมีคลิปเสียงชัดเจนว่ามีการเรียกรับ และมีคำพูดค่อนข้างดูถูกข้าราชการที่เข้าไปดูแลบอสพอล หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ ดังนั้นเราต้องพยายามดำเนินการ แม้บอลพอลจะไม่ได้ร้องทุกข์

ถามว่า จะมอบของขวัญช่วงปีใหม่ให้อินฟลูเอนเซอร์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องคดีดิ ไอคอนฯอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เป็นการปัดกวาดทางสังคมให้สะอาด ให้บรรดาอินฟลูฯ เพจต่างๆเข้ามาสู่ระบบเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาบูลลี่หน่วยงานรัฐ ไม่มีหลักฐาน ยืนยันพวกเราไม่ใช่คนไร้น้ำใจหรือเป็นคนใจร้าย แต่ ผบ.ตร.ระบุว่า สิ่งใดที่ทำให้สังคมไขว้เขว ใส่ร้ายสังคม ใส่ร้ายข้าราชการเราต้องปัดกวาด รวมถึงหากข้าราชการตำรวจกระทำความผิด ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเอาออกไปเช่นกัน เป็นการกวาดบ้านตัวเองเป็นของขวัญประชาชนช่วงปีใหม่