บิ๊กอรรถ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท.นำทีมตำรวจไซเบอร์ แถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นดีเอสไอ หลอก “ชาล็อต ออสติน” โอนเงินกว่า 4 ล้านบาท ขยายผลรวบนายหน้า เป็นผู้จัดหาบัญชีม้าแถวแรกหลอก สารภาพพาคนไปเปิดบัญชีฝั่งเพื่อนบ้านมา 11 ครั้ง รวมแล้วกว่า 300 คน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 ร่วมแถลงผลความคืบหน้า ในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก “ชาล็อต ออสติน” โอนเงินกว่า 4 ล้านบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้ตำรวจได้จับกุมบัญชีม้าแถวแรก คือ นางสาวปาริฉัตต์ แซ่เอี๊ยว อายุ 40 ปี โดยพบว่ารับจ้างข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ให้การว่ามีผู้จ้างให้เปิดบัญชีได้มาหาที่บ้านเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่ และแจ้งว่าตนเองและสามีต้องเดินทางไปประเทศกัมพูชา 2 วัน จากนั้นช่วงค่ำได้มีรถแท็กซี่มารับตนเองและสามีไปที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติไปยังตึกแถวแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา และได้มีการอายัดเส้นทางการเงิน 1 เส้นทาง ที่มีการไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลไว้แล้ว

ตำรวจได้ขยายผลไปติดตามจับกุม นายอาทิตญา จันทร์คง อายุ 43 ปี สาวประเภทสอง ชาว จ.นนทบุรี ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.บางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง น.ส.ปาริฉัตต์และสามี ให้เปิดบัญชีม้า และให้เดินทางข้ามแดนไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา จากการตรวจค้นบ้านพัก พบของกลาง สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น 12 เล่ม, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, ซิมการ์ด และบัตรเอทีเอ็ม อีกจำนวนหนึ่ง

จากการสอบสวนนายอาทิตญา ให้การยอมรับว่า เคยถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีและไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน หลังจากที่บัญชีถูกอายัดจึงเดินทางกลับประเทศไทย แต่ก็ยังติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่รู้จักกันที่กัมพูชาอยู่ จึงผันตัวมาเป็นคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้า แล้วส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านแทน ทำมาตั้งแต่ปี 66 เคยพาคนไปเปิดบัญชีม้า 11 ครั้ง รวมแล้วกว่า 300 คน ได้ส่วนแบ่งจากค่าจ้างที่หัวหน้าแก๊งจ่ายให้เป็นค่าตอบแทน ซึ่งยังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เสียหายรายอื่นที่ไม่ใช่คนดังในมาตรฐานเดียวกันหมดในทุกคดี แต่ความเร็วหรือช้าของการทำคดีนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลและความซับซ้อนของคดี ไม่ได้มุ่งเน้นแต่ทำคดีของคนดังที่เป็นผู้เสียหายเพียงอย่างเดียว พยายามจะทำคดีทุกคดีให้ดีที่สุด ผบช.สอท.กล่าว