จับตาคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ซึ่งมีผู้คิดว่าถูกหลอกลวงเข้าข่าย “ฉ้อโกง” หรือ “แชร์ลูกโซ่” กับทิศทางการเคลื่อนไหวของ 18 บอส ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ ท่ามกลางข่าวปล่อยทำความเสียหายบุคคลและหน่วยงาน

ล่าสุด นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ให้การถึงคนมาปล่อยข่าวว่า ตำรวจกองปราบปรามเรียกรับเงิน 9 ล้านบาทจาก นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ “โค้ชแล็ป”

ทนายให้สัมภาษณ์ว่า โค้ชแล็ป ทนายความและภรรยาโค้ชแล็ป ยืนยันว่าไม่มีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์อย่างที่ปล่อยข่าวกัน เรื่องนี้หากมองผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร เป็นพวกชอบอ้างตำรวจหาประโยชน์

ระบาดหนักตอนนี้

การที่ทนายความผู้ต้องหายืนยันว่า ไม่มีตำรวจเรียกรับเงิน 9 ล้าน ออกมาพูดหลายครั้งหากเป็นปกติข่าวนี้สมควรจะจบ แต่ยังมีคนพยายามให้ข่าว “ปั่นกระแส” ทำให้สังคมสนใจ ทั้งที่ไม่มีมูลหรือหลักฐาน

ไม่รู้ต้นตอของการให้ข่าวนี้ต้องการอะไรจากตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งที่สังคมอยากให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ซึ่งมีผู้คนเสียหายจำนวนมาก ตำรวจทำงานหนัก หาพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

แทบไม่ได้พักกัน

สังคมอยากให้ตำรวจทำงานตรวจสอบเครือข่าย “เส้นเงิน” หาพยานหลักฐานเพื่อเอาความผิดผู้ที่มาเกี่ยวข้อง เยียวยาเหยื่อผู้เสียหาย ทำความจริงคดีให้ปรากฏ มากกว่ามาเสียเวลานั่งแก้ข่าว เรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง

ที่สำคัญคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กำชับทำคดีเอง เชื่อว่าไม่มีตำรวจหน้าไหน กล้าเรียกรับเงิน

คนที่ให้ข้อมูลต้องกลั่นกรองส่งให้ตำรวจ-ดีเอสไอตรวจสอบ ไม่ใช่ต่างคนต่างให้ข่าวพาดพิงทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย คนที่มีส่วน “ปล่อยข่าว–สร้างกระแส” ทำให้สังคมสงสัย ตำรวจ-ดีเอสไอเสียเวลาทำงาน

ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม