“ดีเอสไอ” นัดประชุมร่วม “ตำรวจสอบสวนกลาง” วันที่ 6 พ.ย. ประสานความร่วมมือดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป หลังมีมติเอกฉันท์ดำเนินคดีข้อหาแชร์ลูกโซ่ วางแผนเอาผิดบรรดาบอสรายกระทง แบบต่างกรรมต่างวาระ คาดไม่เกิน 2 เดือนส่งสำนวนฟ้องศาลได้ ส่วนพยานฝ่ายผู้ต้องหา 20 คน ต้องเรียกมาสอบสวนอีกครั้ง “ทนายวิฑูรย์” โว กำลังทำบัญชีพยานเข้าให้การดีเอสไออีก 2,400 คน ยันดีเอสไอต้องสอบให้หมดทุกปากเพื่อเป็นประโยชน์ในการสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหา อ้างขนาดศาลยังไม่ตัดพยานทิ้ง ส่วนความเป็นอยู่บรรดาบอสในคุก ยังอยู่กันได้ตามสภาพ ยื่นประกันหรือไม่อยู่ที่สถานการณ์ ไม่แปลกใจที่ดีเอสไอแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่ม เพราะตั้งข้อกล่าวหาไว้ก่อนแล้ว

การสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วทั้ง 18 คน ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พ.ย. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ยังไม่ได้พาพยานกลุ่มที่ 2 มาให้ปากคำ อยู่ระหว่างทำบัญชีรายชื่อพยานกว่า 2,400 คน แยกชัดเจนว่าแต่ละคนสะดวกให้ปากคำในพื้นที่ไหนบ้าง และเป็นตัวแทนระดับไหน มีลูกทีมในมือมากน้อยแค่ไหน เมื่อทำบัญชีรายชื่อเสร็จจะนำส่งดีเอสไอ เพื่อให้บริหารจัดการเรื่องการสอบปากคำ แต่ถ้าดีเอสไอตัดพยานออกตนต้องไปร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม แต่เชื่อว่าดีเอสไอไม่กล้า เพราะแม้กระทั่งศาลยังไม่ตัดพยานทิ้ง เพราะถือเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหา และปิดปากผู้ต้องหาไม่ให้สู้คดี

“หากดีเอสไอจะไม่สอบไว้เป็นพยาน ไม่อยากถึง ขั้นต้องฟ้องร้อง เพราะถูกสั่งสอนมาว่าไม่ให้กลั่นแกล้ง ข้าราชการ ส่วนดีเอสไอสามารถสอบปากคำได้เกินวันละ 20 คนหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน บอกเพียงว่าขอประชุมก่อน เข้าใจว่าจะส่งหนังสือไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะให้พยานไปสอบที่ไหนได้บ้างแล้วส่งสำนวนมาที่ดีเอสไอ แต่เท่าที่ฟังดีเอสไอแถลงข่าวยังไม่มีความชัดเจน มองว่าดีเอสไอยังไม่พร้อม สำนวนเพิ่งรับมาสัปดาห์ที่แล้ว และยังมีสำนวนค้างที่ บช.ก.อีกเยอะ หากทำคดีไม่ไหวหรือสอบปากคำพยานไม่ทัน ให้ขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบสวนแทน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพยานและผู้ต้องหา ไม่เสียเวลา” ทนายบอสพอลกล่าว

นายวิฑูรย์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติมกับ 18 บอส คาดหมายอยู่แล้วว่าต้องโดน เป็นการตั้งข้อกล่าวหามาก่อน ส่วนจะผิดหรือไม่สุดท้ายต้องพิสูจน์กัน ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากดีเอสไอว่าจะเข้าไปแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่กับผู้ต้องหาทั้ง 18 คนวันไหน รออยู่ ส่วนเรื่องการประกันตัวอาจจะยื่น แต่ต้องรอดูทิศทางคดีอีกครั้ง สำหรับผู้ที่อยู่ในเรือนจำยังอยู่กันได้ แต่อยู่กันตามสภาพ ส่วนความมั่นใจการสู้คดี ตนมีระบบของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป อยู่ในมือ เปิดดูได้ทั้งหมดว่าไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่ตามข้อกล่าวอ้าง เรามีหลักฐานอยู่ครบทุกอย่าง ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เชื่อว่าสู้คดีได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังดีเอสไอรับดำเนินการสืบสวนสอบสวน เตรียมแจ้งข้อหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 เป็นอีก 2 ฐานความผิด นอกจาก 2 ฐานความผิดเดิม อันประกอบด้วยฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

แหล่งข่าวในคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า วันที่ 6 พ.ย. เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนนำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะประชุมร่วมกับตำรวจ บช.ก. เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจแบ่งหน้าที่กันดำเนินงาน ไม่ว่าวิเคราะห์งบดุล การวิเคราะห์ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์แผนประทุษกรรม สาระสำคัญการประชุมเป็นเรื่องรายละเอียดสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมว่าตำรวจสอบประเด็นใดไปแล้วบ้าง เนื่องจากตำรวจ ปคบ.ส่งแฟ้มเอกสารสำนวนคดีมายังดีเอสไอแล้วกว่าแสนแผ่น การพูดคุยระหว่าง 2 หน่วยงาน ต้องหารือร่วมกันเพื่อเชื่อมต่อเรื่องข้อมูลระหว่างกัน

สำหรับกรณีดีเอสไอจะเข้าไปภายในเรือนจำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เพิ่มเติมกับ 18 บอส ดิ ไอคอนฯ นั้น วิธีการปฏิบัติดีเอสไอต้องทำร่างรายละเอียดไว้ก่อน แล้วทำหนังสือนัดหมายไปที่เรือนจำให้เรียบร้อย จากนั้นทางเรือนจำต้องแจ้งว่าจะให้พนักงานสอบสวนเข้าไปพบได้วันไหน เวลาใด เพื่อทางเรือนจำจะจัดสถานที่อำนวยการ ปฏิบัติงาน คาดว่าอย่างเร็วสุดวันที่ 8 พ.ย. หรืออย่างช้าสุดภายในสัปดาห์หน้า แต่ยืนยันว่าดีเอสไอต้องเร่งดำเนินการ เพราะมีความเกี่ยวพันกับระยะเวลาการฝากขัง

คณะพนักงานสอบสวนเผยอีกว่า สำหรับข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญาคือ ฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 341 และ 343 และ พ.ร.บ.คอมพ์ ดีเอสไอนำมาพิจารณาพบว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 มาตรา 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19 และ 20 หากดูจากอัตราโทษสูงสุดเป็นไปตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ อัตราโทษสูงสุด 10 ปี แล้วแต่กรรม เพราะคดีแชร์ลูกโซ่ต้องดูจำนวนกรรม อีกทั้งการดำเนินคดีเป็นรายกรรม ต้องพิจารณา รายละเอียดจากผู้ต้องหาแต่ละรายว่ากระทำกี่กรรม ตัวอย่างเช่น บอสดาราขึ้นพูดบนเวทีกี่ครั้ง รับโอนเงิน กี่ครั้ง ครั้งละกี่บาท เป็นต้น ส่วนการสรุปสำนวนสั่งฟ้อง คาดว่าไม่น่าเกิน 2 เดือน หรือไม่เกิน 40 วัน อาจปลายเดือน ธ.ค. หรือต้นเดือน ม.ค.68

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี พยานของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำนวน 20 รายที่เข้ามายื่นเรื่องกับดีเอสไอว่า ส่วนพยานบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้ง 20 ราย ที่เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 4 พ.ย.รับเรื่องไว้แล้ว รวมถึงสอบถามข้อมูลบุคคลว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างไร รวมถึงประเด็นที่จะเข้ามาเป็นพยานในคดีเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้สอบปากคำ จะนัดเข้ามาให้การภายหลัง

ส่วนคดี น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก สุวรรณบุตร หลอกขายทองเปอร์เซ็นต์ไม่ตรงตามที่แจ้ง มีลูกค้าแห่แจ้งความดำเนินคดีจำนวนมาก ความคืบหน้าจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.พร้อมทีมพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.นำสำนวนการสอบสวน 18 แฟ้ม 2 ลัง ส่งมอบให้นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณายื่นฟ้องบริษัทเคทูเอ็น โกลด์ จำกัด นายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ เรืองอร่าม และ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก สุวรรณบุตร เป็นผู้ต้องหาที่ 1-3 ความผิด 5 ข้อหาคือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือผู้อื่น และโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

นายสัญจัย จันทร์ผ่อง กล่าวว่า พนักงานอัยการจะนำสำนวนไปพิจารณา เพื่อยื่นฟ้องผู้ต้องหาภายในการผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายวันที่ 15 พ.ย.นี้ และพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทั้งนี้ ยังไม่ขอพูดถึงในรายละเอียด ขอนำสำนวนไปพิจารณาก่อน