บรรยากาศหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. หนองฉาง จ.อุทัยธานี ยังคึกคัก ประชาชนกลุ่มเปราะบางทยอยไปเบิกเงิน 10,000 บาท เพื่อนำไปซื้อข้าวสารตุนไว้รับประทาน เจ้าของร้านยอมรับยอดขายที่ซบเซามานาน วันนี้ยอดขายพุ่งนับหมื่น

วันที่ 26 กันยายน 2567 มีรายงานว่า กระทรวงการคลังได้เริ่มจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันแรกนั้น ชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการกลุ่มเปราะบาง ต่างทยอยนำเงินที่เบิกจากธนาคาร นำไปซื้อหาสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะข้าวสาร เพื่อตุนไว้กินในครอบครัว บางคนยอมรับว่าดีใจจนนอนไม่หลับ ตื่นตั้งแต่ตี 2 รีบไปที่ตู้เอทีเอ็ม รอรับบัตรคิวเบิกเงิน ซึ่งวันนี้เป็นคิวของชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1-3

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีประชาชนที่ไปเบิกเงินแล้วยังไม่ได้รับเงิน เนื่องจากบัตรประจำตัวประชาชนไม่ได้ลงท้ายด้วยเลข 1-3 ซึ่งจะต้องรอวันต่อไป ในการนี้มีเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ธ.ก.ส. คอยให้บริการชี้แจงประชาชนที่หน้าตู้เอทีเอ็มด้วย ชาวบ้านหลายรายนำเงินที่เบิกออกมาแสดงด้วยความดีใจ ในขณะคุณป้าท่านหนึ่งนั่งด้วยอาการหมดแรง บอกว่าการลงทะเบียนต้องรอรอบต่อไป

นายมานัส พลัง ชาวบ้านประดาแร้ง ต.ทุ่งพง อ.หนองฉาง กล่าวว่า ตั้งใจนำเงินไปซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หัวหอม กระเทียม ฯลฯ โดยเน้นข้าวสารเป็นปัจจัยลำดับแรก เนื่องจากราคาข้าวสารปัจจุบันมีราคาแพงราว 400 บาทต่อถัง และจำเป็นต้องทานทุกวัน และขอขอบคุณที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในยุคยากหมากแพงแบบนี้ และยังพบพระผู้สูงอายุบางรายไม่สามารถเบิกเงินได้ สาเหตุไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและรายชื่อตกหล่น จะต้องไปติดต่อบัญชีธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ในการตรวจสอบหลักฐาน

นางอำไพ บุญมา ภรรยาของนายอนันต์ บุญมา ซึ่งเป็นผู้พิการ กล่าวว่า ตนเดินทางไปธนาคาร 2 วันแล้ว แต่ไม่สามารถเบิกเงินให้สามีได้ สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าเงินโอนมาแล้ว กำลังตรวจหาสาเหตุ

ด้าน น.ส.สุธาวรรณ์ เชี่ยวเขตวิทย์ แม่ค้าขายข้าวสาร “ป.หนึ่งค้าข้าว” เผยว่า ตั้งแต่มีการจ่ายเงินให้ชาวบ้าน มีลูกค้าเดินทางไปซื้อข้าวสารเพิ่มขึ้นมาก ขายข้าวสารได้วันละนับหมื่นบาท ส่วนใหญ่ซื้อไปตุนไว้รับประทานในครัวเรือน โดยจะซื้อถังใหญ่หรือกระสอบ รายละหลักพันบาท แตกต่างจากก่อนที่ขายข้าวสารรายละหลักพันมีน้อย คิดว่าเงินหมื่นส่งผลเศรษฐกิจในชุมชนคึกคัก.