ตำรวจไซเบอร์-ปปง. เตรียมเฉลี่ยทรัพย์ กว่า 2,500 ล้านบาท คืนผู้เสียหาย “คดีเซาเซียน” ราว 1,500 คน หลังถูกหลอกให้ลงทุน เมื่อปี 2565
วันที่ 17 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมแถลงการรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์เพื่อเฉลี่ยทรัพย์มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท คืนให้ผู้เสียหาย 1,500 คน ในคดีหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Hybrid Scam (คดีเซาเซียน)
นายเทพสุ กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยพูดคุยสร้างความสนิทสนมหลังจากนั้นชักชวนให้โอนเงินเพื่อลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน steaming จนสูญเงินไปหลายล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ายอดเงินถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารของสฤษฎ์กับพวกอีกหลายราย แล้วถูกโอนต่อเป็นทอดไปยังผู้รับประโยชน์ชาวจีนและบริษัทแห่งหนึ่งของจีน
ต่อมาตำรวจ บช.สอท. ได้ทำการสอบสวนขยายผลจนพบว่าคดีดังกล่าว มีผู้เสียหายจำนวนมากประมาณ 1,351 ราย รูปแบบคดีเป็นลักษณะขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ความเสียหายในเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 2,201 ล้านบาท
โดยทาง บช.สอท. ได้ดำเนินคดีอาญาที่ 80 / 2566 สฤษฎ์ กับพวก ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมสืบสวนเส้นทางการเงินจนได้พยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในขบวนการดังกล่าวและต่อมาคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงาน ป.ป.ง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิดชั่วคราว
ประกอบด้วยโฉนดที่ดิน คอนโดหรู และเงินฝากในบัญชีธนาคารรวมทั้งโครงการคฤหาสน์หรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนที่ดินประมาณ 30 ไร่ ติดถนนสนามบินน้ำที่คาดว่ามีราคาเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท จนถึง 700 ล้านบาทต่อหลัง รวมยึดและอายัดทรัพย์สิน 52 รายการมูลค่า 2,561,188,503.70 บาท
ซึ่งทาง สำนักงาน ปปง. ได้มีประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าวโดยกำหนดให้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากคดีนี้ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ปปง. ภายใน 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 25 ธันวาคม 2567 นี้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า แผนประทุษกรรมดังกล่าวมีความคล้ายกับคดีความที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา โดยมิจฉาชีพจะเลือกผู้เสียหายเพื่อทำการหลอกลวงมีทั้งการหลอกให้รัก หลอกให้ซื้อสินค้า และหลอกให้ลงทุน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้กับผู้คนร้าย เครือข่ายดังกล่าวจะมีการกระจายทันทีในรูปแบบต่างๆ ทั้งนำไปลงทุนซื้อทรัพย์สิน แปลงสกุลเงินเป็นดิจิทัล ให้ยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในกรณีนี้เช่นกันที่เมื่อทำสำเร็จแล้วกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นชาวไทย จะนำไปซื้อทรัพย์สินและนำเงินส่วนหนึ่งส่งต่อให้บริษัทจีนกลุ่มชาวจีน
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการติดตามต่อว่าในเครือข่ายดังกล่าวยังมีผู้ต้องหาและทรัพย์สินส่วนไหนที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอีกทั้งประสานไปยังประเทศของกลุ่มผู้ต้องหาต่างชาติเพื่อพิจารณาในเรื่องของการออกหมายจับ หากเป็นประเทศที่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกัน ก็จะมีการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการตรวจสอบบริษัทที่เปิดโดยคนไทยว่าเข้าข่ายลักษณะเป็นนอมินีให้กับกลุ่มทุนจีนด้วยหรือไม่
ในส่วนของการเฉลี่ยคืนทรัพย์สิน ผู้เสียหายแต่ละคนสูญเสียทรัพย์สินไม่เท่ากัน การจะเฉลี่ยคืนได้ ต้องผ่านขั้นตอนของการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลความเสียหาย รวมถึงพิจารณาจำนวนผู้เสียหายจากคดีความทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องผ่านกระบวนการของศาลแพ่งที่จะต้องพิจารณาคดีความผิด
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับทรัพย์สินในคดีนี้ที่ส่วนมากเป็นอสังหาริมทรัพย์ ของแบรนด์เนม ก็จะต้องผ่านการขายทอดทรัพย์สินของกลางสู่ท้องตลาดก่อนจึงจะนำเงินมาเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหายได้ ซึ่งในทางทฤษฎี ที่ยอดผู้เสียหายและจำนวนความเสียหายน้อยกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ยึดมาได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถคืนทรัพย์สินจากการกระทำความผิดได้ครบ อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงเชิงทฤษฎีเท่านั้น ส่วนระยะเวลาต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการของศาลด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ