“อัจฉริยะ” บุกร้อง “บิ๊กต่าย” ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง ชุดทำคดีแตงโม ปมสร้างหลักฐานเท็จ และพยานเท็จ หลังปรากฏคำพิพากษาของศาลชี้ แตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ -บาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัด
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการ 4 เรื่อง
โดยมีเรื่องที่น่าสนใจคือการร้องขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีทุกชุด ทุกคน และสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่มีการสร้างหลักฐานเท็จ และพยานเท็จ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาบนเรือให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง และร้องขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง พล.ต.ต.วสันต์ และ พ.ต.อ.วรชาติ นำความลับทางราชการในสำนวนการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโมเปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับทราบ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่าคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ และบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือและมีการแก้ไข GPS เรือ และมีการนำวัตถุพยานที่ไม่น่าเชื่อถือในคดี เช่น เส้นผมที่เจอ 3 เส้นเป็นการเก็บหลักฐานครั้งที่ 4 ศาลไม่เชื่อเพราะอยู่ใต้น้ำต้องไปกับน้ำไม่เชื่อว่าอยู่บนเรือ และสิ่งที่แซนอ้างว่านั่งอยู่ท้ายเรือศาลก็ไม่เชื่อ เพราะปอ 1 ในผู้ต้องหาได้ไปให้การกับศาลว่าห้องน้ำบนเรือไม่ได้เสีย และศาลยังชี้ว่าวันเกิดเหตุมีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำ จึงอาจเป็นไปได้ที่มีการสลับเรือ มีการปั้นพยานเท็จเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือให้พ้นผิด จึงขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่าในคดีของแตงโม ตนถูกดำเนินคดีรวม 6 คดี ศาลยกฟ้อง 1 คดี ยังเหลืออีก 5 คดีที่ต้องต่อสู้กัน เรื่องบางเรื่องจึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด แต่วันนี้ได้นำคำพิพากษามาแสดง เพื่อแสดงให้เห็นว่าศาลได้มีคำพิพากษาตามที่ตนเองได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูก ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง กล่าวหาแต่อย่างใด ว่ารู้คำพิพากษาล่วงหน้า ร้องขอให้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง ร.ต.อ.หญิง คนดังกล่าวและตำรวจชุดทำคดีแตงโม 21 คน ที่แจ้งความตนที่ สน.ประชาชื่น พบว่าในการร้องมีการกระทำเป็นขบวนการ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่แพ้คดีแล้วมาร้องกล่าวหาในการดิสเครดิตและกล่าวหาองค์คณะผู้พิพากษา ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่โจทก์ร่วมตามกฎหมาย หรือเป็นผู้รับมอบอำนาจจากคณะทำงานที่ฟ้องในคดีนี้มา และไม่ทำตามคำสั่งขององค์คณะผู้พิพากษาที่ให้อ่านร่างคำพิพากษาได้ และมาคัดคำพิพากษาตัวจริงได้ภายหลัง.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ