กลุ่มวัยรุ่นล้อมทุบรถเก๋งต่างถิ่นไปดูหมอลำ เด็กชายวัย 6 ขวบ ได้รับบาดเจ็บด้วย ซ้ำขับกระบะตามไปกราดยิงถึงบ้าน ต้องวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

วันที่ 27 พ.ย. 67 มีรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 67 มีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ลำไพร สิงห์รัตน์ ได้โพสต์คลิปพร้อมกับข้อความว่า “ถ่ายรูปมือกะบ่นิ่ง555 หมอลำจบแต่คนไม่จบ” โดยภายในคลิปมีรถเก๋งที่ขับเร่งเครื่องพยายามจะออกจากจุดเกิดเหตุ แต่ถูกวัยรุ่นชายประมาณ 10 คน ไล่ทุบรถก่อนจะมีเสียงดังคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น”

ต่อมาได้มีการเปิดเผยภาพจากวงจรปิด บันทึกนาทีระทึก ขณะกลุ่มที่ขับรถเก๋งไปชมหมอลำซิ่งคันดังกล่าว ถูกไล่ทุบรถและถูกไล่ทำร้าย จึงมาขอความช่วยเหลือที่บ้านป้า ซึ่งห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นได้ขับรถกระบะตามมากราดยิงถึงหน้าบ้านป้าของแฟนผู้ขับรถเก๋ง ต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตจ้าละหวั่น

จากการสอบถาม นางลำไพร สิงห์รัตน์ เจ้าของคลิป ซึ่งอยู่ที่บ้านแก้ง หมู่ 2 ต.โคกสว่าง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดในงานแต่งที่บ้านศรีสว่างหมู่ 7 ต.โคกสว่าง เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. 2567 โดยตนได้ไปร่วมงานแต่งงาน จากนั้นก็มีหมอลำซิ่งมาสมโภชฉลองสมรส จึงชมหมอลำซิ่งจนเลิกงานเวลาประมาณ 17.00 น. แต่ในขณะเลิกงานนั้นก็ได้มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ยิงปืน และทำร้ายร่างกาย พร้อมกับทุบรถเก๋งกัน ตนซึ่งเป็นผู้ที่ชอบเล่นคลิปเรียลอยู่แล้ว จึงได้บันทึกคลิปนำเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นความตั้งใจของตนไม่ใช่ต้องการที่จะทำคอนเทนต์เท่านั้น ทั้งกลัวลูกหลงทั้งอยากนำเสนอจึงได้เห็นคลิปที่ปรากฏดังกล่าว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 ในพื้นที่ตำบลท่าสีดา อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุในกล้องวงจรปิด โดยมีกลุ่มวัยรุ่น บ้านแก้ง ต.โคกสว่าง อ.หนองพอก (จุดเกิดเหตุที่ 1 ซึ่งมีการแสดงหมอลำซิ่ง ในงานแต่งงาน) ขับกระบะตามมาใช้ปืนกราดยิงใส่กลุ่มรถเก๋งที่มาขอความช่วยเหลือที่บ้านป้า ต่างก็วิ่งหนีตาย

นางหญิง นามสมมุติ ป้าของแฟนคนขับรถเก๋ง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกำลังทำอาหารอยู่หลังบ้าน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของหลานสาว ซึ่งเป็นแฟนของคนขับรถเก๋งที่ประสบเหตุได้มาร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกไล่ทำร้ายมาจากบ้านแก้ง ต.โคกสว่าง ในขณะที่ตนเดินออกไปพูดคุยเพื่อสอบถามสาเหตุ ได้มีรถกระบะสองคันซึ่งเป็นคู่กรณีขับตามมาก่อนจะใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กลุ่มหลานสาวของตน รวมถึงตนก็ยืนอยู่จุดนั้น ต่างก็วิ่งแตกหนีกระเจิงก่อนที่รถคู่กรณีจะขับหลบหนีไป

ส่วนปมในการก่อเหตุ ตนก็ไม่ทราบแน่ชัด ทราบเพียงว่าหลานสาวและกลุ่มเพื่อนพร้อมทั้งแฟนหนุ่ม ได้ขับรถเก๋งไปชมหมอลำซิ่ง ที่จัดขึ้นภายในงานแต่งงานที่บ้านแก้ง หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มหลานสาว ก่อนที่กลุ่มหลานสาวจะขับรถจักรยานยนต์มาขอความช่วยเหลือที่บ้านของตน ซึ่งห่างจากบ้านจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร ส่วนในกรณีก่อเหตุการยิงที่หน้าบ้านตน

ทั้งนี้ ตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ. หนองพอกในข้อหาพยายามฆ่าและข้อหาบุกรุกเคหสถาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองพอก ได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนในกรณีเรื่องของหลานสาวที่ถูกทุบรถได้แจ้งความไว้ที่ สภ.โคกสว่าง ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งตำรวจนัดเจรจาวันที่ 28 พ.ย.

สอบถามนางสาวบี นามสมมุติ แฟนคนขับรถเก๋ง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามี (ขับรถจักรยานยนต์ไปทีหลัง) ลูกชายวัยหกขวบพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน ได้ไปชมหมอลำซิ่ง ที่แสดงในงานแต่งงานที่บ้านแก้ง ในระหว่างที่กำลังดูหมอลำอยู่ก็มีกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่น ประมาณ 3-4 คน มาชกต่อยสามีของตน โดยไม่รู้จักหรือเคยมีเรื่องมาก่อน ตนไม่อยากให้มีเรื่องเนื่องจากเกรงว่าวัยรุ่นเจ้าถิ่นมีจำนวนมาก กลัวจะรุมทำร้ายกลุ่มของพวกตน ซึ่งมีผู้ชายมาเพียงคนเดียว จึงพากันเดินขึ้นรถเก๋งเพื่อจะขับกลับบ้าน

แต่ในระหว่างนั้นกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นประมาณ 30-40 คนได้กรูเข้ามาทุบรถด้วยไม้ เสียม จอบ ก้อนหิน และกระโดดถีบสามีจึงพยายามจะขับรถออกจากวงล้อมแต่ถูกกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นใช้อาวุธปืนยิงใส่ล้อรถแต่ไม่ถูก ซึ่งในระหว่างนั้นกลุ่มวัยรุ่นพยายามจะคว้าตัวสามีลงจากรถ ตนจึงเอาตัวเข้าขวางทั้งสามีและลูกเพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย กระทั่งหลบหนีออกมาได้จึงรีบขับไปขอความช่วยเหลือที่บ้านป้า ที่บ้านโนนหาด ต.ท่าสีดา อ.หนองพอก ซึ่งขณะที่ตนกำลังยืนพูดคุยกับป้าเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ๆ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีขับรถกระบะมาสองคัน แล้วใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่พวกตน จนต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด ก่อนจะขับหนีไป

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็หวาดผวาเพราะคู่กรณีมีจำนวนมากและมีอาวุธครบมือ อีกทั้งยังเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นี้ ก็อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัว ตอนนี้ตนยังใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นลูกชายของตนถูกสะเก็ดกระจกที่โดนทุบบาดที่ใต้คาง ส่วนตนและสามีก็มีแผลถลอก แต่รถเก๋งคันดังกล่าวเป็นรถเพื่อนที่ยืมขับขี่ไปดูหมอลำ ที่ประเมินค่าซ่อมมากกว่า 30,000 บาทและจักรยานยนต์ของสามีที่จอดทิ้งไว้ในงาน ก็ถูกทุบเสียหาย จึงนำหลักฐานซึ่งเป็นคลิปจากวงจรปิดที่บ้านป้า และหลักฐานที่เกิดขึ้นในโซเชียลส่งมอบพนักงานสอบสวน เพื่อเร่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อหัวหน้ากลุ่มแล้วชื่อว่า นายณัฐพงษ์ หรือบี ชาวบ้านศรีสว่างและพวกที่มาจากต่างหมู่บ้าน

ด้านนายมนตรี ดลชม ผู้ใหญ่บ้านศรีสว่าง เผยว่า เหตุการณ์เกิดหลังจากการแสดงหมอลำเสร็จ ซึ่งตอนนั้นผู้ที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ก็คือฝ่ายปกครองประจำหมู่บ้านได้กลับกันไปหมดแล้ว ชาวบ้านจึงไปแจ้งให้ตนทราบ ตนก็ได้เข้ามาห้ามกลุ่มวัยรุ่นให้แยกย้ายกันกลับไปจนเหตุการณ์สงบ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่หยุดแค่นั้นได้ตามไปเพื่อที่จะทำร้ายผู้เสียหายที่บ้านของภรรยาอีกด้วยดังที่ปรากฏในคลิป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้านโคกสว่างเพื่อพบกับนายณัฐพงษ์ แต่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าไม่อยู่ในพื้นที่ ไปมีภรรยาอยู่ที่อื่นและติดต่อยังไม่ได้ ซึ่งในวันที่ 28 พ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดให้ทั้งสองฝ่ายมาให้ปากคำที่โรงพักในเวลา 09.00 น.