ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยดำเนินการสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาที่มีผลงานโดดเด่นด้านการสอนและการถ่ายทอดความรู้

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) สรรหาและคัดเลือกอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567 เสร็จเรียบร้อย เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาที่มีผลงานโดดเด่นด้านการสอนและการถ่ายทอดความรู้ ให้ปรากฏเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมสืบไปและเข้ารับโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สำหรับผลการสรรหาและคัดเลือกมี ดังนี้ 1. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.อภิรัตน์ เลาห์บุตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร. นพ.สิทธิศักดิ์ หรรษาเวก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาสังคมศาสตร์ ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.เกียรติสุดา ศรีสุข จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 4. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติสาขามนุษยศาสตร์ ได้แก่
รองศาสตราจารย์ ดร.โสภนา ศรีจำปา จากมหาวิทยาลัยมหิดล 5. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาศิลปกรรมศาสตร์ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 6. อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขารับใช้สังคม ได้แก่ ศาสตราจารย์ นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล มหาวิทยาลัยมหิดล

ทั้งนี้ จัดให้มีพิธีรับโล่รางวัลพระราชทานในงานประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี พ.ศ. 2567 ของที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาพนักงาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 21-22 พ.ย. ที่ผ่านมา ณ อวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.ขอนแก่น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ การจัดประชุมวิชาการประจำปีของ ปอมท. ครั้งนี้ ยังมีเป้าหมาย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มคณาจารย์และสมาชิกสภาคณาจารย์ประเด็นที่สำคัญและเร่งด่วนทางอุดมศึกษาของประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษเรื่อง นโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ โดยมุ่งเน้นในด้านให้ประเทศไทยเป็น Hub ในการผลิตทรัพยากรมนุษย์ด้าน AI ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนจะเปลี่ยนเป็นการนำ AI เข้ามาเสริมในหลักสูตรต่างๆ ด้วยการเน้นผลิตบุคคลากรแบบ Higher skilled workforce หรือ แรงงานที่มีทักษะสูง เนื่องจากประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตอัตรากำลังออกมาได้เท่าความต้องการของการลงทุนในประเทศ โดยประเทศไทยได้เริ่มทำหลักสูตร semi-conductor ขึ้นเพื่อมุ่งตอบสนองอุตสาหกรรม 5.0 เพื่อตอบสนองนโยบาย เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งการผลิตบุคคลากรด้าน AI จำเป็นต้องเน้นด้าน AI Literacy หรือ ความฉลาดรู้ทางเอไอ โดยต้องปรับหลักสูตรให้มี AI เข้าไปรวมอยู่ในหลักสูตรต่างๆ หรือการจัดทำแผนการเรียนที่สามารถดึงคนที่จบการศึกษาไปแล้วให้กลับมาเรียนใหม่ ทั้งนี้เพราะมหาวิทยาลัยในปัจจุบันให้บริการเพียงกลุ่มคนที่มีอายุ 18-23 ปี ดังนั้น ทุกมหาวิทยาลัยต้องปรับแผนการเรียนการสอนเพื่อดึงกลุ่มคนวันทำงานและผู้สูงวัยกลับเข้ามาเรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนทักษะ โดยมหาวิทยาลัยต้องปรับรูปแบบการเรียนให้อยู่ในรูปของ การเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning ต้องพิจารณาว่าจะมีกระบวนการในเรื่องนี้ อย่างไร หรือ สร้างระบบนิเวศน์ในการเรียนรู้อย่างไร เพื่อสร้าง Lifelong Learning Culture

อย่างไรก็ตาม การจะสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ได้ต้องประกอบด้วย 2 ส่วน คือ Growth mindset เป็นวิธีคิดที่เชื่อว่า ทักษะและความรู้ความสามารถของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และการพยายามฝึกฝนและ adaptability to change หรือ การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทั้งในสถานที่เรียน หรือสถานที่ทำงาน นอกจากนี้ การประเมินขีดความสามารถของมหาวิทยาลัยในมิติต่างๆ พบว่า มหาวิทยาลัยในไทยมีความก้าวหน้าในด้านคุณภาพงานวิจัย โดยผลงานวิจัยได้รับการยอมรับและการอ้างอิง รวมทั้งมหาวิทยาลัยในไทยมีการพัฒนาในการสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมและการสร้างสิทธิบัตร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ แต่มหาวิทยาลัยไทยยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคในด้านคุณภาพการศึกษา อัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ และสภาพแวดล้อมในการเรียนการสอน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยไทยยังต้องใช้ความพยายามเพื่อเข้าสู่กลุ่มมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด 200 อันดับแรกของโลกให้ได้ ส่วนความสามารถในการสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยควรวิเคราะห์ข้อมูลในหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา การศึกษา และการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งช่วยให้มองเห็นโอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและวางแผนการพัฒนาได้อย่างเหมาะสม

การจัดการประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีการเสวนาวิชาการเรื่อง จริยธรรมและจรรยาบรรณการใช้ปัญญาประดิษฐ์กับการวิจัยและการปฏิบัติงาน โดยวิทยากรเสวนา ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศาสตราจารย์ ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจารย์ภัทร์วดี มาศภูมิ Microsoft trainer certify ผู้เชี่ยวชาญ Microsoft Copilot และการบรรยายเรื่อง Digital Money และ Blockchain Technology ที่ส่งผลต่อการศึกษา เศรษฐกิจและสังคม โดย คุณชานน จรัสสุทธิกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์เวิร์ดแลปส์ จำกัด เจ้าของแพลตฟอร์ม DeFi Forward และผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain รวมทั้ง การนำเสนอผลงานวิจัยแบบวาจาและแบบโปสเตอร์จากคณจารย์ บุคลากรสายปฏิบัติการ และนิสิตนักศึกษา การประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีจำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 400 คน