“กองปราบฯ” เค้นสอบ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ตลอดทั้งคืน จากให้ การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ล่าสุดเปิดปากรับขาดสภาพคล่องเพราะติดการพนันงอมแงม นำเงินผู้เสียหายไปเล่นจนหมดตัว ไม่มีเงินไปจ่ายค่าของที่ลูกค้าสั่งจากต่างประเทศ แต่ยันไม่มีเจตนาฉ้อโกง คุมตัวฝากขังศาลอาญาพร้อมคัดค้านการประกันตัว เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนี ในคำฟ้องแฉพฤติกรรมละเอียดยิบ มีผู้เสียหายเพียบรวมเป็นเงินกว่า 65 ล้านบาท เจ้าตัวยอมจำนนไม่ยื่นประกัน ส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

กรณีนางแสงเดือน วงษ์สมบูรณ์ อายุ 77 ปีแม่ และ น.ส.รัตนาภรณ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 49 ปีลูกสาว เข้าแจ้งความกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ อายุ 43 ปี หมอฮวงจุ้ยชื่อดัง สำนักซินแสดูบ้าน (ตี่ลี่-ฮวงจุ้ย) บ้านอาจารย์จิรเจริญเวศน์ หลอกดูฮวงจุ้ยตุ๋นเอาเงินไปกว่า 60 ล้านบาท หลังความแตกมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์อีกจำนวนมาก สอบสวนรวบรวมหลักฐานออกหมายจับข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน ตามไปจับกุมตัวมาสอบสวนที่ บก.ป. เหตุเพราะติดการพนันตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พ.ย. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า หลังการจับกุมพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.สอบปากคำผู้ต้องหาตลอดทั้งคืน ช่วงแรกเจ้าตัวยังคงมีท่าทียืนกรานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กระทั่งช่วงเย็นเริ่มมีท่าทีอ่อนลง พร้อมให้รายละเอียดของคดีเพิ่มขึ้น เป็นการยอมรับในเชิงภาคเสธ ส่วนขั้นตอนการสอบปากคำใกล้เสร็จสิ้น คงเหลือเพียงการตรวจสอบคำให้การบางส่วน เมื่อแล้วเสร็จจะเร่งนำตัวส่งฝากขังศาลอาญาช่วงบ่ายวันนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายละเอียดการสอบปากคำ นายธนวันต์ให้การภาคเสธ ยอมรับว่าเป็นคนแนะนำให้ผู้เสียหายซื้อหินปูพื้นจากประเทศจีนเพื่อแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาจริง แต่ไม่ได้เจตนาจะฉ้อโกง เพราะทำเรื่องสั่งซื้อหินจากจีนไปแล้ว เพียงแต่ระยะหลังติดการพนันอย่างหนัก นำเงินที่ผู้เสียหายให้มาไปใช้เล่นพนันจนหมด ทำให้ขาด สภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายค่าหินจากจีน เป็นเหตุให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมา

มีรายงานอีกว่า หลังจากที่นายธนวันต์ หรือ “ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย” ไปออกรายการทีวีเมื่อวันที่ 4 พ.ย. แล้ว จากนั้นเดินทางไป จ.หนองคาย ทันที ก่อนข้ามไปประเทศ สปป.ลาว ใช้เวลาอยู่ฝั่งลาวนานถึง 6 วัน ก่อนย้อนกลับมาที่บ้านย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี กระทั่งมาถูกตำรวจกองปราบจับได้ดังกล่าว

ต่อมา เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เบิกตัวนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือตี่ลี่ ฮวงจุ้ย จากห้องคุมขังกองบังคับการปราบปรามมาขึ้นรถตู้ มีรถตำรวจ บก.ป.นำขบวน 1 คัน นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหาสวมเสื้อสีม่วง กางเกงสีครีม พร้อมปิดบังใบหน้าด้วยแมสก์ ทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ สื่อมวลชนสอบถามว่า โกงเงินจริงหรือไม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง และเอาเงินไปทำอะไรบ้าง แต่ตัวผู้ต้องหาไม่ตอบคำถาม รีบเดินขึ้นรถตู้ทันที
เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี และมีผู้เสียหายรวมถึงมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก

ที่ศาลอาญา เวลา 13.40 น. ร.ต.อ.ขวรินทร์ แหล่งสท้าม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. คุมตัวนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือ “ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย” อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5404/2567 ลงวันที่ 8 พ.ย.67 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป ดูคลิปที่ผู้ต้องหาออกรายการ เช่น รายการทูเดย์โชว์ รายการโหนกระแส รายการ Perspective รายการตี่ลี่ ฮวงจุ้ย เป็นต้น เป็นรายการเกี่ยวกับศาสตร์ดูฮวงจุ้ย ผู้ต้องหาอ้างเป็นอาจารย์เรื่องฮวงจุ้ย บ้านพัก โรงงาน และสถานประกอบการ ประชาสัมพันธ์ช่องทางติดต่อไว้ ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า ผู้ต้องหาเป็นทายาทตี่ลี่ ฮวงจุ้ย รุ่น 15 ตามที่กล่าวอ้าง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญศาสตร์ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย สนใจต้องการปรึกษา ต่อมาผู้เสียหายติดต่อไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ประชาสัมพันธ์ ผู้รับสายแสดงตัวเป็นแอดมินตี่ลี่ ฮวงจุ้ย และให้ติดต่อแอดมินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แจ้งค่าใช้จ่าย ผู้เสียหายตกลงโอนเงินไปเข้าบัญชีผู้ต้องหา ต่อมาผู้ต้องหามาทำพิธีดูฮวงจุ้ยที่บ้าน กล่าวอ้าวสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหาย พฤติการณ์แตกต่างกัน

1.เรื่องสิ่งของภายในบ้าน ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นธนูลม (ช่องลมระหว่างคอนโด) หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดี ตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวส่งผลให้บิดาผู้เสียหายป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทางแก้ผู้ต้องหาหลอกลวงว่า ต้องซื้อหินแกะสลักรูปสิงห์ รูปกิเลน และซื้อตี่จูเอี๊ยะมาตั้งในบริเวณบ้านจุดต่างๆ เพื่อให้ป้องกันสิ่งไม่ดีเข้ามาในบ้าน ทั้งขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาค่าหินแกะสลักรูปสิงห์และกิเลนจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากรรวมค่าสินค้า ค่าขนส่ง และค่าภาษีอากรต่างๆเป็นเงิน 7,350,000 บาท

2.ผู้ต้องหาหลอกลวงว่า ศาลพระภูมิแบบเดิมของผู้เสียหายเป็นศาลพระภูมิแบบไทยมีผีมาอยู่ ส่งผล ไม่ดีแก่คนในบ้าน หากตั้งศาลพระภูมิแบบจีนจะทำให้กิจการค้าขายดี ต้องล้มศาลพระภูมิเดิมแล้วตั้งศาลพระภูมิใหม่ รวมทั้งค่าฝังเข็มเงิน-เข็มทอง รวมพิธีไหว้ เรียกร้องเงินค่าศาลพระภูมิและค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหารวม 6,204,000 บาท

3.หลอกลวงให้ซื้อที่ดินทำพิธีแซกี หรือเรียกว่าสุสานคนเป็น อ้างถ้าทำแล้วบุคคลในครอบครัวจะสุขภาพดีอายุยืน และจะรวมบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วมาอยู่ที่เดียวกัน แต่ต้องซื้อที่ดินที่ จ.ชลบุรี และต้องสั่งหินจากประเทศจีน รวมทั้งมีค่าถมที่ดิน ค่าแกะสลักหิน ค่าขนส่งหินจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร เรียกร้องเงินค่าซื้อที่ดินและค่าซื้อหิน ฯลฯ จากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหารวม 45,694,496 บาท

4.หลอกลวงว่ามีบุคคลทำพิธีนำผงกระดูกผีใส่บ้านผู้เสียหาย ส่งผลให้ผู้เสียหายและครอบครัวเดือดร้อน ต้องทำพิธีนำพระผงกระดูกผีลงมุมบ้านทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกันและแก้ไขพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีผู้ทำมา เรียกร้องค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหารวม 4,400,000 บาท

5.หลอกลวงว่าที่บ้านผู้เสียหายมีองค์เทพมาอาศัย ต้องบูชารูปปั้นองค์เทพ 4 องค์เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เรียกร้องเงินค่ารูปปั้นจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหา 347,000 บาท

6.หลอกลวงเรื่องค่าใช้จ่ายของส่วนตัวผู้ต้องหา อ้างว่ารัฐบาลประเทศจีนจะให้ผู้ต้องหาเดินทางไปดูฮวงจุ้ยที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ประเทศจีน แล้วจะกักตัวผู้ต้องหาไว้ หากไม่ต้องการให้ประเทศจีนกักตัวต้องนำเงินไปลงทุนเปิดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ อ้างว่าต้องใช้เงิน 2,100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหา 2,100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,556,996 บาท ต่อมาผู้เสียหายไม่ได้รับสิ่งของตามที่กล่าวอ้าง ติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยง

จากพฤติการณ์เห็นว่า ผู้ต้องหาหลอกลวงโดยกล่าวอ้างถึงพฤติการณ์ต่างๆข้างต้น ผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนโดยตรวจสอบ เส้นทางการเงินของผู้ต้องหาพบว่า หลังจากผู้ต้องหารับเงินจากผู้เสียหายแล้วโอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากของบุคคลใกล้ชิดลักษณะยักย้ายถ่ายเทเงินเพื่อปกปิดหรืออำพรางแหล่งที่มา จึงจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 (1) (2) และมาตรา 60

ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาจะครบกำหนด 48 ชม.แล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบพยานอีก 40 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา ขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 พ.ย.

ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขังได้ หลังจากนั้นผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานครต่อไป