ตำรวจสกลนครจ่อออกหมายจับ 1 ราย แก๊งคนร้ายบุกทำร้ายเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าสกลนคร หลังพบหลักฐานมัดตัว ขณะที่รองอธิบดีกรมป่าไม้บินด่วนลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เตรียมเสนอเพิ่มงบประมาณและกำลังพลดูแลไม้ของกลาง
วันที่ 11 พ.ย. 67 มีรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายอาวุธครบมือ บุกเข้าไปในหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สน.2 (วาริช-พรรณา) ริม ถ.ทางหลวง 2218 บ.กุดตะกาบ ต.กุดตะกาบ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร แล้วจับตัวเจ้าหน้าที่ในหน่วยฯ 3 คนมัดมือมัดเท้าเอาผ้าคลุมศีรษะ ก่อนยึดเอาปืนลูกซองประจำกายเจ้าหน้าที่ 2 กระบอกพร้อมกระสุน และขนไม้พะยูงของกลางขึ้นรถกระบะหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 10 พ.ย. 2567 ตามรายละเอียดที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : แกะรอยล่า 5 ไอ้โม่งจับเจ้าหน้าที่มัดมือมัดเท้า “ปล้นปืน-ไม้พะยูง” หนีกลางดึก)
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. นายนิกร ศิรโรจนานนท์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร และรอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร เดินทางมายังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สน.2(วาริช-พรรณา) เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยมีนายวิชัย วงศ์แสนสี ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้สกลนคร นำข้าราชการเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้การต้อนรับ
นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผวจ.สกลนคร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจเนื่องจากคนร้ายลงมืออุกอาจ มีเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายและคนร้ายปล้นเอาไม้พะยูงและอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไป ซึ่งถือเป็นการหยามเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นอย่างยิ่ง ก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ได้มีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จว.สกลนคร เปิดเผยความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับภายในวันสองวันนี้ ซึ่งทางตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ มั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถเอาผิดคนร้ายได้อย่างแน่นอน
ด้านนายนิกร ศิรโรจนานนท์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่านอธิบดีกรมป่าไม้มีความเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายและถูกปล้นไม้ไป ซึ่งขอเรียนว่าการจัดการเก็บรักษาไม้ของกลางนั้น ที่สกลนครมี 4 หน่วย ซึ่งทุกหน่วยมีไม้ของกลางที่ต้องดูแลรักษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่จากการตรวจปราบปรามรักษาป่า มาดูแลรักษาเฝ้าระวังรักษาไม้ของกลางด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีมาตรการในการดูแลทั้งเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิด การจัดเวรยามที่จะต้องคอยตรวจตราและรายงานทุก 4 ชั่วโมง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นการเย้ยหยามเจ้าหน้าที่มาก และเป็นการกระทำที่รุนแรง ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนติดตามหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป ซึ่งการเก็บรักษาไม้ของกลางของกรมป่าไม้ในขณะนี้มีโรงเก็บไม้ของกลางอยู่ 14 แห่งทั่วประเทศ ในภาคอีสานมี 7 แห่ง แค่สถานการณ์ในขณะนี้ไม้ของกลางมีค่าเต็มทุกโรงเก็บ ทำให้ไม้มีค่าจำนวนมากอยู่ในหน่วยต่างๆ ซึ่งจะต้องเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวังมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการจัดทำรั้วรอบขอบชิด เวรยาม ไฟส่องสว่าง และกล้องวงจรปิด
ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้เสนอเรื่องปลดล็อกการจำหน่ายไม้ของกลางไปยังกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอไปยัง ครม. ให้กรมทรัพย์ฯ สามารถจำหน่ายไม้ของกลางได้ เพื่อที่จะระบายสต็อกไม้ของกลาง ลดภาระการเก็บและเฝ้าระวังรักษาของเจ้าหน้าที่
ส่วนความคืบหน้าในการสืบสวนติดตามคนร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สภ.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนในคดีนี้ ได้เรียกประชุมหน่วยงานชุดสืบสวนทั้งหมด เพื่อสรุปความคืบหน้าและกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวนร่วมกัน โดยในการประชุมดังกล่าวไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จว.สกลนคร ได้กำชับชุดสืบสวนทั้งหมดให้เร่งรัดการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานวันนี้จะต้องมีการออกหมายจับ 1 ในผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตัวการสำคัญ ในส่วนของกลุ่มกระบวนการมีการตรวจสอบในทุก ๆ มิติ เพื่อหาความเชื่อมโยงของผู้ต้องหาซึ่งมีอย่างน้อย 5 คน ที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา รัดกุมและชัดเจนที่สุด เพื่อให้เกิดผลสำเร็จที่สุด ที่หมายถึงมีการจับกุมแล้วต้องสามารถดำเนินคดีเอาผิดได้.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ