กองปราบเร่งขยายผลอายัดทรัพย์ ทนายตั้ม เดินหน้าลุยเช็คบิลต่อคดีที่สอง ฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 39 ล้านบาท หลังพบคนสนิทไปถอนเงินห้างดังลาดพร้าว เร่งตรวจสอบ GPS รถ Porsche คันหรู หาความเชื่อมโยงเหตุการณ์ เผย ผกก.บางซื่อ รับวันลงบันทึกประจำวัน ทนายตั้มโทรหาจริง

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการจับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ในคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย จำนวน 71 ล้านบาท แล้วนั้น ทาง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ยังคงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของ บช.ก. ดำเนินการสืบหาพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อให้พยานหลักฐานในสำนวนคดีมีความแน่นหนาและรัดกุม ครอบคลุมทุกมิติ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทนายความ มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างดี

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างขยายผลตามอายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่อยู่ในการครอบครองของ นายษิทรา และ ภรรยา มาตรวจสอบที่ไปที่มา โดยเฉพาะรถหรู แผ่นป้ายทะเบียนรถเลขสวย รวมไปถึงที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ นาฬิกาหรู และเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ ที่มีการเคลื่อนย้ายถ่ายเท ซึ่งในส่วนนี้ทางตำรวจจะมีการประสานข้อมูลร่วมกับทาง สำนักงาน ปปง. เพื่อเร่งติดตามอายัดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ในส่วนของการตรวจสอบกรณีฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่า หลัง น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย โอนเงินจำนวนดังกล่าวมาให้แล้วนั้น นายนุ คนสนิททนายตั้ม และ น.ส.สารินี นุชนารถ ภรรยาของนายนุ ก็ได้เดินทางไปถอนเป็นเงินสดออกมาจากธนาคารที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล GPS รถ Porsche รุ่น Cayenne ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ของนายษิทรา เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าในวันที่ น.ส.สารินี กับนายนุ ไปถอนเงินนั้น นายษิทรา ได้มีการไปพบหากับหรือไม่

นอกจากนี้ จากกรณี พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ เกี่ยวกับกรณีที่ น.ส.สารินี เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ อ้างว่า ถูกดูดเงินจากบัญชีที่ใช้โอนบิทคอยน์ไปจำนวน 2,276,400 บาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566 นั้น จากการสอบปากคำ พ.ต.อ.ภูวดล ให้การยอมรับว่า ก่อนหน้าที่ น.ส.สารินี จะมาลงบันทึกประจำวันนั้น นายษิทรา ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหา เพื่อขออำนวยความสะดวกให้รับลงบันทึกประจำวันให้กับ น.ส.สารินี จริง ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีโกงเงิน 39 ล้านบาทเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามจากการที่เมื่อวานที่ผ่านมา (8 พ.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ภูวดล เกี่ยวกับเรื่องรับลงบันทึกประจำวันดังกล่าวว่าเอื้อประโยชน์ให้กับนายษิทรา และพวกหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีโกง 39 ล้านบาทของสอบสวนกลาง จึงเตรียมเร่งประสานขอข้อมูลการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว หากผลการตรวจสอบแล้วเสร็จดี ทั้งนี้ก็เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีใช้เป็นแนวทางพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป