“ผู้การแจ้” พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ยันไม่ปกป้องลูกน้องทำผิด โยนนครบาลดำเนินคดีเต็มที่ กรณีแก๊งตำรวจรีดทรัพย์ชาวจีน 300 ล้านบาท ย้ำนิ้วไหนร้ายตัดทิ้ง ขณะที่สื่อย้อนถาม ”ยังเหลือนิ้วให้ตัดอีกหรือไม่“

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.สอท. จำนวน 3 นาย ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการแก๊งตำรวจ กับพลเรือนก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์ นายไซ สัญชาติวานูอาตู ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เป็นสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 10 ล้าน USDT หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 300 ล้านบาท ว่า จากการสอบสวนทราบว่า ในการตรวจค้นมีการนำหมายศาลเข้าไปอย่างถูกต้อง โดยมีตำรวจกว่า 10 นาย เข้าร่วมตรวจค้น ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย 1.ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ รอง สว.กก.1 บก.สอท.1 2.ด.ต.สุพรรณ ของใส ผบ.หมู่กก.1 บก.สอท.1 3.จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.1

ทันทีที่ทราบเรื่องทางต้นสังกัดได้ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทันทีตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ”นิ้วไหนร้าย ก็ต้องตัดทิ้ง“ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ”ยังเหลือนิ้วให้ตัดอีกหรือไม่“ ผบก.สอท.1 ตอบกลับทันที ว่า ถ้าพบมีความผิดจะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้จะมีการดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาการของตำรวจทั้ง 3 นาย หากตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยปละละเลยก็จะต้องได้รับโทษทางวินัยฐานกำกับดูแลไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของตำรวจทั้ง 9 นายนั้น เบื้องต้นทราบว่าตำรวจทั้ง 9 นาย เคยอยู่ในสังกัดตำรวจไซเบอร์กันมาก่อน ก่อนจะถูกโยกย้ายไปประจำหน่วยต่างๆ กระทั่งมารวมตัวกันจนเกิดเรื่องขึ้น

ส่วนกรณีที่ตำรวจทั้ง 3 นาย เคยมีพฤติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นั้น ผบก.สอท.1 กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีประวัติดังกล่าว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาดำเนินการกวดขันเข้มงวด ส่วนที่มีกระแสข่าวตำรวจไซเบอร์ทั้ง 3 นาย เป็นลูกน้องเก่าของนายพลตำรวจระดับสูงภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำหรับในเรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าใช่หรือไม่

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจแก๊งนี้จะเป็นข่าวใหญ่ ทางกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุพยายามจะขอเจรจากับผู้เสียหายคืนเงินเพื่อยุติเรื่อง แต่มีตำรวจหนึ่งในกลุ่มนี้ได้ทักท้วงว่า หากคืนเงินจะทำให้เป็นหลักฐานหรือเท่ากับยอมรับว่ากระทำผิดจริง จึงตัดสินใจที่จะเงียบจนกระทั่งเป็นกลายเรื่องดัง ก่อนมีการออกหมายจับจนเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการสีกากี