เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 กลุ่มโจรใต้จำนวนกว่า 20 คนได้บุกเข้าปล้นสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส โดยใช้ระเบิดในการเปิดตู้เซฟเพื่อขโมยอาวุธปืน รวมถึงวางเพลิงเผาบ้านพักเจ้าหน้าที่ทั้งสี่หลังและวางระเบิดซ้ำอีกสองลูกในสำนักงาน ก่อนหลบหนีไปในคืนเดียวกัน เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก และเจ้าหน้าที่ต้องเร่งค้นหาเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มีชื่อว่า “มันโซ ปูเต๊ะ” ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจ เนื่องจากมีประวัติการก่อเหตุในพื้นที่มาก่อน ขณะนี้ Aบริษัทความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อดูแลสถานที่ราชการ และเน้นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต
การโจมตีดังกล่าวยังสะท้อนถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีอัตราการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวเพื่อให้กลับมาเยือนพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งในอนาคต การวางแผนและเตรียมความพร้อมทั้งการดูแลสถานะทางการเมืองและการให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความปลอดภัยในระยะยาว
รายละเอียดข่าว:
เร่งแกะรอยไล่ล่ากลุ่มโจรใต้บุกปล้นปืนสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส พุ่งเป้าฝีมือกลุ่ม “มันโซ ปูเต๊ะ” หัวโจกแนวร่วมที่ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วโชกโชน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจที่เกิดเหตุจุดแรกในอาคารสำนักงานพังเสียหายยับจากแรงระเบิดถึง 3 ลูก เก็บรวบรวมวัตถุพยานไปตรวจหาเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุ อธิบดีกรมอุทยานฯสั่งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯทุกคนออกจากพื้นที่ทั้งหมด หลังทหารแจ้งเตือนยังมีระเบิดวางอยู่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 5 ลูก เตรียมลงพื้นที่อีกครั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืน
จากเหตุการณ์กลุ่มโจรใต้กว่า 20 คนพร้อมอาวุธครบมือ บุกสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส จับเจ้าหน้าที่ 4 คนมัดมือมัดเท้า ใช้ระเบิดเปิดตู้เซฟคลังเก็บอาวุธปืนภายในสำนักงานปล้นเอาปืนลูกซองยาว 10 กระบอก และ ปืนพกอีก 2 กระบอก แล้ววางเพลิงเผาบ้านพักเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายรวม 4 หลัง แถมวางระเบิดซ้ำอีก 2 ลูกในสำนักงาน ก่อนพากันขึ้นเทือกเขาด้านหลังหลบหนีไป ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ก.ย. พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผบ.นปพ.ร่วม จ.นราธิวาส พ.ต.อ.มานิตย์ ปานทอง นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 พฐ.นราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เดินทางเข้าตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานที่อาคารสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา พบว่าอาคารถูกอานุภาพของแรงระเบิดแสวงเครื่อง 3 ลูกคือ ช่วงขณะก่อเหตุวันที่ 21 ก.ย. 1 ลูก และช่วงเวลา 10.03 น. และ 11.03 น. วันที่ 22 ก.ย. อีก 2 ลูก ทำให้อาคารได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงส่วนหน้าประตูทางเข้าเล็กน้อย สภาพตู้เซฟคลังเก็บอาวุธปืนลูกซองมีรอยงัดและถูกแรงระเบิดจนฝาตู้หลุดกระเด็น ตู้เหล็ก เก็บเอกสารหลักฐานถูกเพลิงไหม้ และส่วนประกอบของอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานชิ้นสำคัญๆ อาทิ ถังเคมีดับเพลิงที่ใช้บรรจุระเบิดน้ำหนักประมาณ 15-20 กก. สะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นข้ออ้อยตัดท่อน วงจรตั้งเวลาด้วยระบบดิจิทัล และดินระเบิด โดยระเบิดทั้ง 3 ครั้งในอาคารสำนักงาน คนร้ายจุดชนวนด้วยการตั้งเวลาทั้ง 3 ลูก วัตถุพยานทั้งหมดจะนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งลายนิ้วมือแฝงตามจุดต่างๆของอาคาร เพื่อนำไปสู่เบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ ทั้งนี้ การเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เริ่มจากอาคารสำนักงานเป็นจุดแรก ก่อนจะเข้าตรวจสอบอาคารบ้านพักอีก 3 หลังที่ถูกวางเพลิงเผา คาดว่าจะต้องใช้เวลา 1-2 วันถึงจะตรวจสอบแล้วเสร็จ ยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าจุดเกิดเหตุ
รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จัดส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการป่าภูเขา ในการแกะรอยติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายตั้งแต่ช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ในช่วงค่ำวันที่ 21 ก.ย. คาดว่ากลุ่มคนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่ไปกบดานหลบซ่อนตัวในเขตผืนป่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว พบเบาะแสว่าเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี อ.แว้ง และ อ.สุไหงโก-ลก บางส่วนคือกลุ่มของนายมันโซ ปูเต๊ะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงในพื้นที่หลายคดีที่ทางการต้องการตัว
พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับการเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัย คนร้ายมีความพยายามก่อเหตุสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ อาศัยช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่เกิดช่องว่าง ดำเนินการ การก่อเหตุแต่ละครั้งเตรียมการมาเป็นอย่างดี ปฏิบัติการเป็นกลุ่ม เลือกเป้าหมายที่เปราะบาง แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับเน้นย้ำเจ้าหน้าที่มาตลอด ในการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ขณะนี้ได้เพิ่มมาตรการเข้มข้นทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาในการดูแลฐานที่มั่น สถานที่ราชการ และสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ฝากถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่พยายามดูแลให้ดีที่สุด พร้อมทั้งเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ทุกคน ออกจากพื้นที่ทั้งหมด เพราะเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งว่าบริเวณรอบๆที่ทำการยังมีระเบิดที่วางอยู่อีกน่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ลูก แต่ยังไม่รู้ว่าจุดไหนบ้าง เจ้าหน้าที่อีโอดีกำลังตรวจสอบอยู่ นอกจากนี้สั่งการให้อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุกแห่ง โดยเฉพาะที่มีพื้นที่ติดชายแดนและอุทยานฯในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่เก็บปืนต้องมีความมิดชิด เบื้องต้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯในพื้นที่เสี่ยงให้พกปืนไว้กับตัวเพื่อความปลอดภัยไว้ป้องกันตัวเอง
อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ของเรา แค่ต้องการปืนและขู่ว่าถ้าไม่ขัดขืนจะไม่ทำร้าย แต่ก็ยังเอาปืนตีหัวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ พอมาคิดอีกทีถ้าไม่ประสงค์จะเอาชีวิตก็คงไม่วางระเบิดไว้โดยรอบสำนักงาน ตอนลงพื้นที่ได้พูดคุยและเข้าไปกอดให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คนที่ถูกจับมัดมือมัดเท้า เป็นผู้ชาย 3 คนและผู้หญิง 1 คนก็ตกใจร้องไห้เสียขวัญ ตนให้กำลังใจและมอบเงินปลอบใจไปจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ในวันที่ 25 ก.ย. จะเดินทางลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อทำให้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯกลับมาเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและเป็นที่ไว้วางใจของทุกฝ่ายเช่นเดิม ก่อนหน้านี้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯได้ทำโครงการกิจกรรมเที่ยวชมป่า ดูนกเงือก วิ่งมาราธอน มีผู้สนใจทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้นักท่องเที่ยวหวาดระแวงและเจ้าหน้าที่เสียกำลังใจไปบ้าง ดังนั้น จะพยายามดูแลให้ดีที่สุดทั้งเรื่องสวัสดิการ ให้กำลังใจ และจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมา
เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯถูกฝึกใช้อาวุธและการต่อสู้แบบเผชิญหน้ากับคนร้ายหรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เน้นการฝึกเดินป่า ลาดตระเวนป่า ส่วนการใช้อาวุธเพื่อต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายเป็นการฝึกเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เน้นเวลาออกลาดตระเวนพื้นที่ที่ล่อแหลม เช่น พื้นที่ชายแดนก็จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ต่อข้อถามถึงงบประมาณในการซื้ออาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในแต่ละปี อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า มีงบประมาณจัดซื้ออาวุธได้ทุกปี จำตัวเลขไม่ได้ แต่จะซื้อปืนได้ประมาณปีละ 100 กระบอก จะพิจารณาให้กับอุทยานฯหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ที่มีความล่อแหลมก่อน
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ