“งานยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก” ถือเป็นอีกหนึ่งงานท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ของ จ.พระนครศรีอยุธยา จัดขึ้นทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.34 และเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวอยุธยา
ปีนี้ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เตรียมการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-22 ธ.ค.67 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
พร้อมถือฤกษ์เบิกชัยเป็นประธานในพิธีสักการะศาลหลักเมือง พิธีบวงสรวงบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยา และพิธีสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
โดยมีนางรำชาวพระนครศรีอยุธยาจาก 16 อำเภอ จำนวนกว่า 1,700 คน รำถวาย “สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง” และบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ด้วยท่ารำประกอบเพลง “ยอยศพระรามาธิบดีที่ 1” เป็นปฐมฤกษ์ก่อนจัดงานอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการช่วงค่ำวันที่ 14 ธ.ค. มี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การจัดงาน “ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก” เพื่อประกาศความเป็นมรดกโลกตลอดระยะเวลา 33 ปี ของ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และประชาสัมพันธ์จังหวัดให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
ภายในงานตกแต่งสถานที่อย่างยิ่งใหญ่ ประดับไฟหลากสีสัน พร้อมจุดเช็กอินให้ผู้มาเที่ยวชมงานได้เก็บภาพความทรงจำ นอกจากนี้มีตลาดย้อนยุค เวทีการแสดง ประกวดมิสอยุธยา โรงพักย้อนยุค และมวยนายขนมต้ม
รวมถึงการออกร้านกาชาด ทุกคนจะได้ร่วมทำบุญและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ บ้านทาวน์โฮมสองชั้นพร้อมที่ดิน มูลค่า 2.7 ล้านบาท อีกทั้งมีรางวัลรถยนต์ ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆอีกมากมาย
ไฮไลต์สำคัญคือ “การแสดงแสง สี เสียง อิงประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องวีรกษัตริย์” ผ่านการแสดงสุดอลังการจัดเต็ม ช้าง ม้า ปืนใหญ่ ฟันดาบ ผสมเทคนิคแสง สี เสียง ที่ตระการตา จัดหนักกับพลุที่งดงามในชุดการแสดง “วีรกษัตริย์ วัฒนศิลปบุรี ไพรัช ไมตรี ศรีอยุธยา”
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินว่า สั่งคุมเข้มตั้งจุดตรวจคัดกรอง 9 จุด และติดกล้องวงจรปิด มีกำลังอาสานักสืบนอกเครื่องแบบเข้ามาช่วย
นอกจากนี้ ตั้งศูนย์วิทยุ กองอำนวยการร่วม มีเส้นทางสำรองกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และมีการตั้งด่านรอบนอกเพื่อตรวจตราดูแลความปลอดภัย ใช้กำลังตำรวจ 200 นายต่อวัน ดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดการจัดงาน
ส่วน นายสุรศักดิ์ จำลองกุล ประชาสัมพันธ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวงานจำนวนมาก โดยให้ความสนใจถนนกินเส้น สวนดอกไม้
ที่น่าสนใจเช่นกันคือ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรวิถีไทย ชมนิทรรศการนวัตกรรม และนั่งรถราง
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานและร่วมแต่งชุดไทยย้อนยุค มาสัมผัสกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพร้อมเก็บความทรงจำที่น่าประทับใจกลับไป
ยังมีเวลาไปเที่ยวย้อนอดีตกันจนถึงวันที่ 22 ธ.ค.2567 หากพลาดแล้วจะเสียดาย!
ซ้อน คงไสยภาคิน รายงาน
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ