“จ.ส.ต.” เมากร่าง ชักปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า ทำท่าจ่อยิงการ์ดหน้าผับ ด้าน ผกก.สน.ทองหล่อ แถลงระบุ รับไม่ได้ สั่งยึดอาวุธปืนหลวง 2 กระบอก ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เตรียมเสนอพิจารณาลงโทษวินัยร้ายแรง
จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก “Social Hunter 2022” โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า เหตุเกิดที่สถานบันเทิงชื่อดังย่านทองหล่อ นักท่องเที่ยวเมาทะเลาะกัน ยิงปืนขึ้นฟ้าและทำท่าจ่อยิง ฝากเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบด้วย #ทองหล่อ10 #เอกมัย10 #กรุงเทพฯ
ความคืบหน้า ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ แถลงข่าวชี้แจงว่า วันที่ 15 ธ.ค. 67 เวลาประมาณ 02.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายไม่ทราบชื่อได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าบริเวณสถานที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถอาคารเท็น ซอยเอกมัย 5-ทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้ก่อเหตุ ทราบว่าคือ จ่าสิบตำรวจมนตรี มีเดช ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อ อยู่ในอาการมึนเมา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจค้นตัว พบอาวุธปืนยี่ห้อ Sig Sauer รุ่น 320 พร้อมซองกระสุนเหน็บอยู่ที่เอวของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ทำการปลดอาวุธและควบคุมตัวไว้ จากนั้นพบพยานใกล้เคียงให้การว่า ได้ยินเสียงโวยวายบริเวณหน้าอาคารดังกล่าว จึงออกมาตรวจสอบพบผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมา และได้ใช้อาวุธปืนชี้มายังตนเอง และต่อว่าด่าทอ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร จึงได้บอกให้ใจเย็น ๆ แต่ผู้ก่อเหตุยังคงโวยวาย และชักปืนออกมายิงบริเวณหน้าทางเข้าลานจอดรถ จากนั้นได้วิ่งกลับไปยังรถจักรยานยนต์ของตนเอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมชุดเคลื่อนที่เร็วจะรีบเข้าควบคุมตัว นำมาสอบปากคำที่โรงพัก
ภายหลังจากการสอบสวน ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเมามาก ตำรวจจึงได้ทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในเลือด พบ 136 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผู้ต้องหาบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งจะให้การอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของเขา
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา 1.มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พาอาวุธปืนไปในเมืองและหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร และ 3.ยิงปืนในเมือง หมู่บ้านฯ โดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งนี้พยานในที่เกิดเหตุสามารถเข้ามาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าข่ายพยายามฆ่า เนื่องจากผู้ก่อเหตุชี้ปืนไปที่บุคคลอื่นอีกด้วย
ซึ่งตนในฐานะผู้กำกับการ รับไม่ได้ ตำรวจต้องใช้ปืนเพื่อยิงโจรคนร้าย หรือใช้ป้องกันตนเมื่อมีอันตรายใกล้ตนอันสมควรแก่เหตุ การที่ตำรวจใช้ปืนชี้ไปที่บุคคลอื่น เพราะการ์ดเขาไม่ให้เข้าร้าน เนื่องจากผู้ก่อเหตุเมามาก เป็นเหตุไม่สมควรกระทำ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง โทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการตำรวจ เพื่อไม่ให้ตำรวจเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เบื้องต้น ตนได้สั่งการให้ปลดอาวุธปืนหลวง 2 กระบอกของผู้ก่อเหตุเอาไว้ และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานส่งเอกสารไปที่ผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาลงโทษวินัยร้ายแรงไล่ออกจากราชการตำรวจต่อไป
ส่วนเรื่องประกันตัว ตอนนี้มีญาติมาติดต่อขอประกันตัว ก็จะพิจารณาวงเงินขั้นสูง 150,000 บาท คิดว่าอาจให้ปล่อยตัวชั่วคราว ไปในระหว่างสอบสวน เนื่องจากเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญถ้าไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ไม่มีการหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็สามารถดุลพินิจปล่อยตัวชั่วคราวได้ แต่จะดำเนินการทางวินัยร้ายแรงทางคดีอาญาเที่ยงตรงเด็ดขาด
จากนั้น พ.ต.อ.พันษา ลุกขึ้นจากเก้าอี้และกราบขอโทษประชาชนผ่านสื่อ กับการกระทำของจ่าสิบตำรวจคนดังกล่าว
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ