“7 ตร.จราจร” โหดรุมทำร้ายลูกชายอดีตสารวัตรตำรวจ หลบสื่อดอดมอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางเขน แล้ว สอบเรียงตัวนานเกือบ 4 ชม. ก่อนปล่อยตัวกลับไป เพราะเข้ามาเองก่อนออกหมาย “ผกก.สน.บางเขน” เผยสอบปากคำตำรวจทั้งหมดแล้ว ให้การรับสารภาพว่า ทำร้ายร่างกายผิดคนจริง เพราะคิดว่าเป็นรถที่แหกด่าน อ้างว่าเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่และผู้ต้องหาขัดขืน จะเข้าข้อกฎหมายคดีอุ้มหายหรือไม่ ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานอีกครั้ง เตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.พิจารณาสั่งคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องการสอบวินัยร้ายแรงเป็นเรื่องของ บก.จร.
กรณีตำรวจ บก.จร. 7 นาย นำโดย ร.ต.อ.ทวีพงษ์ อืดทุม รอง สว.งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. จับกุมและรุมซ้อมนายธนานพ เกิดศรี อายุ 33 ปี ลูกชาย พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี อายุ 61 ปี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส. จนบาดเจ็บสาหัส เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถแหกด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ เหตุเกิดใกล้ด่านตรวจบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 21 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงดึกวันที่ 4 ธ.ค. เบื้องต้นอ้างว่า ผู้เสียหายแหกด่านและขัดขืนการจับกุม แต่หลังเกิดเหตุครอบครัวผู้เสียหายตามหาภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุมายืนยันพฤติกรรมของตำรวจทั้ง 7 นายว่า ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่มีความผิด ไม่เป็นไปตามขั้นตอนตามจับกุมและผิดกฎหมาย จนผู้บังคับบัญชาออกมายืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาถึงที่สุด
ความคืบหน้าจาก สน.บางเขน เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสังกัดกองกำกับ 1 บก.จร.รวม 7 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อ.ทวีพงษ์ อืดทุม รอง สว.งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. ส.ต.อ.วีรพงษ์ มะณี ผบ.หมู่งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร. ส.ต.อ.ปพนธีร์ เลิศอนันต์ ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร. ส.ต.อ.กีรติ ประสพโชค ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร. ส.ต.อ.วัชรวี ทวีบุรุษ ผบ. หมู่งานสายตรวจ 5 กก.1 บก.จร. ส.ต.อ.จักรินทร์ ใคร่ครวญ ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. และ ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ ดุษฎี ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ทยอยเดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน และ พ.ต.ต.กันตพัฒน์ ประเศรษฐสุด สว.(สอบสวน) สน.บางเขน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและใจ โดยตำรวจทั้ง 7 นายพยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชนทยอยกันเข้ามามอบตัวช่องทางต่างๆ
พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน กล่าวว่า ตำรวจทั้ง 7 นาย เข้ามาพบพนักงานสอบสวนครบทุกคนแล้ว หลังจากนี้จะสอบปากคำเพื่อเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและใจ ส่วนพยานหลักฐานขณะนี้ตำรวจได้คลิปจากกล้องวงจรปิดที่จุดเกิดเหตุมาครบถ้วน เหลือเพียงต้องกลับไปสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมเพื่อให้ช่วยยืนยันตัวตำรวจแต่ละราย รวมถึงลักษณะการก่อเหตุ และระหว่างก่อเหตุพูดคุยอะไรบ้าง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณีที่ครอบครัวผู้เสียหายมองว่า คดีนี้อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายนั้น อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนประเด็นที่ครอบครัวต้องการเห็นภาพจากกล้องติดตัวตำรวจ หรือบอดี้แคม (body camera) ของตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่นั้น พนักงานสอบสวนประสานไปยังกองบังคับการตำรวจจราจรเพื่อขอดูภาพดังกล่าวแล้ว
ผกก.สน.บางเขน กล่าวอีกว่า คดีนี้เกิดขึ้นขณะตำรวจกองบังคับการจราจรตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางเขน แต่การทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ สน.โคกคราม เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.บางเขนจะเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ก่อนส่งมอบสำนวนให้ สน.โคกคราม ไปดำเนินการต่อ แต่เนื่องจากคดีนี้มีความผิดตามมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องส่งสำนวนคดีไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พิจารณาชี้มูลความผิด และส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ส่วนการดำเนินการทางวินัยกองบังคับการตำรวจจราจรอยู่ระหว่างการพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรง
สำหรับตำรวจทั้ง 7 นาย เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ รวมถึงยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม ทำให้หลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ทั้งหมดถูกปล่อยตัวชั่วคราวก่อนนัดมาส่งฟ้องศาลต่อไป
ต่อมาเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เผยอีกว่า เมื่อคืนตำรวจทั้ง 7 นาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และสอบปากคำใช้เวลาหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัวทั้ง 7 นายไปเวลาประมาณ 03.00 น. ตำรวจทั้ง 7 นาย ให้การยอมรับว่า ทำร้ายผิดคนเนื่องจากจำรถผิดคันจริง แต่อ้างว่าเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนประเด็นทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ รวมถึงประเด็นที่ฝั่งตำรวจอ้างว่าผู้บาดเจ็บขัดขืนต้องตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากผู้เสียหายยังให้การแค่ในภาพรวม ไม่ได้ลงรายละเอียดว่า ทั้ง 7 นาย มีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง จึงปล่อยตัวทั้ง 7 นาย ไปก่อน ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะรอสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ