เด้งเข้ากรุยกแก๊ง 11 ตชด.137 รีด 5 แสนผู้ต้องหายาเสพติดแลกไม่ต้องดำเนินคดี แฉหลังเกิดเหตุติดต่อนำเงินสด 2.8 แสนมาคืนผู้เสียหาย อ้างเป็นการเยียวยา พนักงานสอบสวนชี้เป็นความผิดอาญาเดินหน้าสอบเอาผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนฯ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ฯ และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ก่อนส่งสำนวนให้ ป.ป.ท.ฟันต่อ ขณะที่ผู้การสืบสวนภาค 5 สั่งย้ายแล้ว 10 นักบิน นปพ.ร่วมกับสายข่าวอีก 1 เรียกเงินเสี่ยป้ายโฆษณา ตั้ง กก. สอบวินัยซ้ำ ผิดโทษหนักถึงไล่ออก

จากเหตุการณ์อื้อฉาววงการสีกากี กรณีตำรวจ ตชด.137 อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จับกุมนายธวัชชัย หรือกอล์ฟ ลิ้มประเสริฐ อายุ 40 ปี และนางอารีย์ ทองคำ อายุ 41 ปี สองผัวเมีย พร้อมของกลางยาบ้าในเขตท้องที่ สภ.เขาดิน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี แล้วรีดเงิน 5 แสนบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนางอารีย์ พร้อมกับเรียกเก็บเงินรายเดือนจากการทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้งหมด

ความคืบหน้าคดีตำรวจรีดทรัพย์ผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 23 พ.ย. มีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เผยแพร่เอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าวมีใจความว่า บช.ตชด.ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้นมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปรากฏในสื่อจำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.2567 และให้ บก.ตชด.ภาค 1 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานโดยด่วน

ทั้งนี้ บช.ตชด.ขอเรียนว่าที่ผ่านมามีข้อสั่งการกำชับไม่ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปยุ่งเกี่ยวสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ให้เรียกรับผลประโยชน์ และขอให้เชื่อมั่นว่า บช.ตชด.จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตรวจสอบแล้วพบว่าข้าราชการตำรวจกระทำความผิดจริงจะต้องถูกลงโทษทางคดีวินัยและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นประการใดจะเร่งชี้แจงให้ทราบต่อไป

ที่ สภ.เขาดิน อ.โพธาราม พ.ต.ท.อภิมุข ธนเดชคุณาภรณ์ รอง ผกก.ป. รักษาราชการ ผกก.สภ.เขาดิน เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า คดีนี้ตำรวจ ตชด.เข้ามาจับยาเสพติดในพื้นที่ สภ.เขาดิน ยังไม่ได้นำผู้ต้องหาส่งโรงพัก แต่นำกลับไปสอบที่กองร้อย ตชด.137 อ.สวนผึ้ง จากนั้นนำผู้ต้องหาและของกลางส่งเข้าสู่ระบบ ช่วงนั้นไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ต่อมาภรรยาผู้ถูกจับมาร้องขอความเป็นธรรมว่ามีการเรียกรับเงิน แต่เหตุการณ์เกิดในท้องที่ของ สภ.สวนผึ้ง พนักงานสอบสวน สภ.เขาดิน จะทำเอกสารมีใบปะหน้าตามระเบียบ เพราะหากเกิดเหตุในพื้นไหนก็ต้องส่งเรื่องไปให้ท้องที่นั้นรับผิดชอบ

พ.ต.ท.อภิมุขกล่าวว่า ส่วนกรณีมีข่าวกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุนำเงินมาคืนผู้เสียหาย เบื้องต้นคดีนี้ฝ่ายผู้เสียหายมาร้องในช่วงแรกต้องการเงินและของที่ถูกยึดคืน ตำรวจต้องดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ร้อง พอปรากฏเป็นข่าวมีการติดต่อให้คนนำเงินจำนวน 280,000 บาทมาคืนให้กับผู้เสียหาย ผู้ร้องยินดีรับคืน เจ้าหน้าที่ชุดที่จับกุมอ้างว่าเป็นการเยียวยา แต่ในทางคดีแล้วการเรียกรับเงินเป็นความผิดอาญา ตำรวจจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นจะส่งสำนวนไปให้ สภ.สวนผึ้ง ท้องที่เกิดเหตุดำเนินการฐานความผิดร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนฯ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ฯ และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว

วันเดียวกัน นางอารีย์ ทองคำ ผู้เสียหายเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า หลังเกิดเรื่องมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าอยากคุยด้วย อยากขอโทษ ตอนนี้ตำรวจ ตชด.ชุดที่จับกุมเอาเงิน 8 หมื่นบาทมาคืนแล้ว รวมทั้งทองคำหนัก 5 บาทที่ยึดไป แต่ตีราคาทองให้บาทละ 40,000 บาท รวมเป็น 280,000 บาท สำหรับทองคำที่ตำรวจยึดไปได้มาจากขายหมู 21 ตัวแล้วนำไปซื้อทอง อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้วในส่วนของคดีก็ไม่อยากเอาเรื่อง เพราะได้ของคืนแล้วและรู้สึกกลัว แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้มีการข่มขู่ก็ตาม

ด้าน พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี กล่าวว่า มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เสือรอด รอง ผบก. ภ.จ.ราชบุรี เข้าไปควบคุมกำกับดูแลการสอบสวน และสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำนางอารีย์ ผู้เสียหาย และนายธวัชชัย สามีและผู้ต้องหาในคดีที่ตำรวจ ตชด.137 จับกุมข้อหาจำหน่ายยาเสพติดที่อยู่ในที่เกิดเหตุไว้เป็นพยาน เมื่อสอบสวนเบื้องต้นเสร็จ พนักงานสอบสวน สภ.เขาดิน จะส่งสำนวนการสอบสวนให้กับ สภ.สวนผึ้ง เพื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ต่อไป เนื่องจากผู้กระทำความผิดคดีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ชำนาญการพิเศษลงมา หรือชั้นยศตั้งแต่ พ.ต.ท. ลงมา ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ท.เป็นผู้รับผิดชอบ

“ขอยืนยันว่าตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีจะดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าตำรวจเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆจากพี่น้องประชาชน ทุกคนมีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน จะไม่ยอมให้ผู้ใดอยู่เหนือกฎหมายเป็นอันขาด ส่วนผู้เสียหายที่รู้สึกกังวลหวาดกลัว สั่งให้ตำรวจไปตรวจเยี่ยมดูแลความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เสียหายและครอบครัว” ผบก.ภ.จ.ราชบุรีกล่าว

มีรายงานว่าตำรวจ ตชด.ชุดจับกุมทั้ง 11 นายที่ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำความผิดรีดเงินผู้ต้องหาและถูกคำสั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ประกอบด้วย ร.ต.อ.มนตรี ตรีสุวรรณ รอง ผบ.ร้อย ตชด.137, ร.ต.ท.รุ่งวิชา คำภีระ, ร.ต.ต.จักรี อำมฤครัตน์, ด.ต.สุวรรณ จันทร์หอม, จ.ส.ต.สัตยา คมขำ, จ.ส.ต.ไกรวิทย์ โตอ่อน, จ.ส.ต.หาญชัย ขุนทอง, จ.ส.ต.จักรเพชร อุปชิน, ส.ต.อ.เจษฏพันธ์ สวยแสง, ส.ต.อ.ธิเบศร์ ภู่ระหงษ์ และ ส.ต.ท.ปรินทร์ ลิ่มกำปั่นทอง

ส่วนกรณีเจ้าของธุรกิจทำป้ายโฆษณาที่ จ.ลำพูน ร้องกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 11 คน อ้างเป็นตำรวจ นปพ.บก.สส.ภ.5 บุกค้นบ้านไม่มีหมายศาล ไม่แสดงบัตร และพยายามค้นแรงงานต่างด้าว 3 คนที่ผู้รับเหมาจ้างมาก่อสร้างบ้าน แต่ไม่พบความผิด ก่อนขอค่าใช้จ่ายรายเดือนคนละ 1,000 บาท พร้อมส่งเลขบัญชีให้ทางไลน์เพื่อโอนเงินแลกกับการไม่ถูกตรวจค้นอีก

ล่าสุด พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงพบว่ากลุ่มผู้ก่อเกตุเป็นตำรวจจริง 10 นาย อีก 1 คนเป็นสายข่าว ขณะนี้สั่งย้ายตำรวจทั้งหมดไปปฏิบัติงานที่ ศปก.ภ.5 แล้ว พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัย หากผิดจริงจะลงโทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ อย่างไรก็ตาม ตำรวจทั้งหมดชี้แจงว่ามีภารกิจเข้าตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่ไซต์งานก่อสร้างอีกแห่งหนึ่ง ระหว่างทางแวะไปที่บ้านของผู้เสียหายที่กำลังก่อสร้าง เพื่อตรวจสอบคนต่างด้าวผิดกฎหมายตามที่สายแจ้งมา

“ทั้งหมดยอมรับว่าการเข้าไปไม่ได้มีหมายค้น แต่แสดงตัวเป็นตำรวจ เมื่อเข้าไปแล้วได้สอบถามเรื่องแรงงานต่างด้าว ไม่ได้ค้นบ้านหรือไปเรียกรับเงิน แต่กลับพบว่าคนที่เรียกรับเงินเป็นสายข่าวที่ไปด้วยกัน ส่วนหมายเลขบัญชีที่ถูกนำไปร้องเรียนก็เป็นบัญชีม้าของสายข่าวคนดังกล่าว” พล.ต.ต.วรพงศ์กล่าวและว่าที่ผ่านมากำชับลูกน้องให้ทำงานอย่างถูกต้อง ไม่ให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ตำรวจ แต่เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็จะต้องลงโทษกับตำรวจกลุ่มนี้ตามหลักฐานความผิดที่ปรากฏ นิ้วไหนร้ายไม่ดีก็จำเป็นที่จะต้องตัดทิ้ง